“ผู้แทนกลุ่มผู้ประกันตน” ยืนยันเดือดร้อนจริงตามที่ “สุดารัตน์” แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ออกมาเรียกร้อง ย้ำเป็นความจริงทุกประการ โอดหลายคนถูกยึดบ้าน-รถ แนะ “สุชาติ” อย่าลืมสัญญาลูกผู้ชาย ควรเร่งแก้ไขปัญหาตามที่รับปากไว้ ควักเงินสมทบชราภาพออกมาช่วยเหลือ ดีกว่าตอบโต้กับผู้หญิง ฮึ่มไม่ติด กม.ฉุกเฉิน เคลื่อนไหวใหญ่แน่
จากกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มีผู้ประกันตนกว่า 2 ล้านคนที่ตกหล่น และกำลังถูกทอดทิ้งจากมาตรการเยียวยาของรัฐ ต่อมา นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ออกมาตอบโต้ว่า ข้อมูลของคุณหญิงสุดารัตน์ บิดเบือนจากความเป็นจริง ทำให้สังคมเข้าใจผิด นั้น
วันนี้ (8 พ.ค. 64) นายวสันต์ ประจิตร ผู้ก่อตั้งและแกนนำกลุ่มผู้ใช้แรงงานและผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม รวมทั้งกลุ่มขอคืนไม่ใช่ขอทาน เปิดเผยว่า เหตุผลที่ตั้งกลุ่มขึ้นมาเมื่อช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบแรก เพื่อเรียกร้องเงินสมทบชราภาพเอามาเยียวยาผู้ประกันตน ในภาวะวิกฤตที่ผู้ประกันตนเดือดร้อนมาก รายได้ต้องลดลง แต่รายจ่ายยังคงเดิม เมื่อเห็นว่าเรามีเงินของเราเองอยู่ในกองทุนประกันสังคมอยู่แล้ว เราจึงเรียกร้องเพื่อให้เอาเงินส่วนนี้เอาออกมาใช้ก่อน และการแก้ไขกฎหมายบำเหน็จบำนาญชราภาพ เราต้องการเลือก เมื่อสิ้นสุดจากเป็นผู้ประกันตน โดยที่ไม่ต้องรอถึง 55 ปีบริบูรณ์ แต่วาระเร่งด่วนที่เราร้องขอไปคืนนำเงินกองทุนชราภาพของพวกเราเอาออกมาใช้ก่อน ที่รณรงค์มาตั้งแต่ รมว.แรงงาน คนเก่า ถึงตอนนี้เปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นนายสุชาติ ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
“ถ้าท่านรัฐมนตรีสุชาติ ยังจำคำที่ท่านพูดในครั้งที่ผมเคยเข้าพบเกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ประกันตน ที่ท่านพูดว่าลูกผู้ชายคุยกันเท่ากับสัญญาลูกผู้ชาย ในครั้งนั้นท่านบอกว่าไม่เกินเดือน ก.พ.ปี 64 ผู้ประกันตนจะได้รับเงินเยียวยาจะประกันสังคมโดยทางใดทางหนึ่ง แต่จนถึงวันนี้ผู้ประกันตนยังไม่ได้รับเงินจากกองทุนชราภาพ เงินของพวกเราคืนแม้แต่บาทเดียว ท่านก็รู้ความหิว ความเดือดร้อน มันรอกันไม่ได้ ผู้ประกันตนหลายคนโดนยึดบ้าน ยึดรถ ต้องเกิดปัญหาครอบครัวเช่นการหย่าร้าง เกิดปัญหาสังคมตามมาอีก” นายวสันต์ กล่าว
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า มาตรการช่วยเหลือในโครงการมาตรา 33 เรารักกัน ก็ยังไม่ได้ทั่วถึงมีผู้ประกันตนหลายคนตกหล่น ซึ่งไม่ใช่ความผิดของผู้กันตน แต่เป็นความผิดของระบบหน่วยงานของรัฐเอง โดยมีสมาชิกของในกลุ่มเราจำนวนมาก ได้แจ้งร้องเรียนมาททางกลุ่มจำนวนมาก และล่าสุด มาตรการมาตรา 33 เรารักกัน ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ากลุ่มไหนจะได้ คนเก่าที่เคยได้แล้วหรือว่าคนที่ยังไม่ได้ ผู้ประกันตนทั้งหมดเกือบ 16 ล้านคน แต่ทำไมยอดที่ประกันสังคมแจ้งมาแค่ 9 ล้านคน แล้วที่เหลือหายไปไหน
“ท่าน รมว.แรงงาน ต้องหัดยอมรับความจริงบ้าง สิ่งที่ท่านคุณหญิงสุดารัตน์โพสต์ ข้อมูลผู้ประกันตน 2 ล้านคน ถูกทอดทิ้ง คือความจริง เป็นความเดือดร้อนของผู้ประกันตนจริงๆ และมีตัวตนจริง กี่ครั้งแล้วที่ผมเข้าไปที่กระทรวงแรงงาน หรือประกันสังคมสำนักงานใหญ่ แค่เข้าไปนั่งคุยแล้วเรื่องก็เงียบหายไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปประธรรมได้เลย” นายวสันต์ ระบุ
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นผู้หญิงกล้าออกมาพูดความจริง กล้าเป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้ประกันตนที่เดือดร้อนจริง อย่างน่าชื่นชมกว่าผู้ชายที่เคยรับปากว่าสัญญาลูกผู้ชายด้วยซ้ำ ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่เป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ใช้แรงงาน เรื่องก็คงจะเงียบอีกตามเคย นายสุชาติ ที่เป็นเป็นผู้ชาย ควรใจกว้างยอมรับกับปัญหา อย่าฟังเฉพาะคนใกล้ชิด พวกนั้นก็จะพูดแต่สิ่งที่เขาอยากให้ฟัง แล้วนำไปแก้ไขเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงาน ดีกว่าจะมาต่อปากต่อคำกับผู้หญิง
“ผมในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่มจะสู้เรื่องสิทธิของผู้ประกันตนอันพึงได้ และความชอบธรรมความเป็นธรรมขึ้นกับสู่ผู้ประกันตน ถ้าไม่ติดโควิด หรือกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่คุ้มกะลาไว้ เราไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่” นายวสันต์ กล่าว