กสม.แถลงประณามเหตุคนร้ายไล่ยิงรถขนสินค้าใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ชี้ไร้มนุษยธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน จี้ หน่วยงานรัฐเร่งหาตัวผู้กระทำผิด เยียวยาผู้เสียหาย
วันนี้ (27 เม.ย.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ ประณามเหตุคนร้ายไล่ยิงรถขนสินค้าระหว่างทางในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และเผาทำลายรถยนต์ โดยระบุว่า
ตามที่ได้เกิดเหตุคนร้าย 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์และใช้อาวุธสงครามประกบยิงใส่รถยนต์กระบะขนส่งสินค้าที่เดินทางมาจากจังหวัดสงขลา มุ่งหน้าสู่จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน ก่อนจุดไฟเผาทำลายรถยนต์จนเกิดเพลิงไหม้ทั้งคัน เหตุเกิดบริเวณ ถ.หมายเลข 42 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เช้าตรู่ของวันที่ 24 เม.ย. 2564 ซึ่งต่อมาโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มแนวร่วมขบวนการที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ นั้น
กสม.ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต และขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุความรุนแรง อันเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม ละเมิดต่อกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหลักสากลที่ต้องยึดถือ จึงขอให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1. ขอให้หน่วยงานความมั่นคงเร่งติดตามสืบสวนสอบสวนนำผู้กระทำความผิด ผู้สนับสนุน หรือผู้บงการมาลงโทษตามขั้นตอนของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว รวมทั้งเพิ่มมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยในการเดินทางสัญจรและใช้ชีวิตประจำวันให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
2. ขอให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายแก่ครอบครัวหรือญาติของผู้เสียชีวิตเป็นการเร่งด่วน 3. ประชาชน องค์กรท้องถิ่น และภาคประชาสังคม ควรให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้กระทำความผิดเพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
กสม. มีความห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ขอให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น และเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนในการดำรงชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขกลับคืนมา