xs
xsm
sm
md
lg

“ท่านใหม่” เศร้า นศ.เสียอนาคต ถูก “สัมภเวสี” หลอกใช้ “อดีตบิ๊ก ศรภ.” ขำปนสงสาร “กวิ้น-รุ้ง” อดข้าวกดดันศาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ เพนกวิน - พริษฐ์ ชีวารกษ์ และ รุ้ง - ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ขอบคุณภาพ จาก LINE Today
“ท่านใหม่” เตือนสติ อย่าคิดและหลงว่าจะได้เป็นคนดัง มีสัมภเวสี หนุนหลัง เสียดายอนาคต นศ.ถูกหลอกใช้ “อดีตบิ๊ก ศรภ.” ขำปนสงสาร “กวิ้น-รุ้ง” อดข้าวกดดันให้ได้ประกัน ยันไม่ใช่ความผิดของศาล “ณัฐวุฒิ” แปลก เสนอ “อดอาฆาต”

ภาพ มจ.จุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” จากแฟ้ม
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (23 เม.ย. 64) เฟซบุ๊ก จุลเจิม ยุคล ของ มจ.จุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“อย่าพยายามคิด และหลงตัวเองว่าจะได้เป็นคนดัง มีสัมภเวสี หนุนหลังคอยปกป้อง ถ้าคิดเช่นนั้น ผิดถนัด มีแต่คุกตะรางกำลังเปิดประตูต้อนรับ และอนาคต กำลังจะดับสิ้น ส่วนพวก สัมภเวสี ที่คอยยุแหย่รอด

เป็นเรื่องที่น่าเศร้า และเสียดายอนาคต นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยxxxx และนักศึกษาจากxxxx ที่โดนพวกสัมภเวสีหลอกลวง จัดกิจกรรม ชักธงปฏิรูปกษัตริย์ แทนธงชาติไทย ที่มหาวิทยาลัยxxxx เมื่อทำผิดกฎหมาย จารีตประเพณี คงต้องติดคุกติดตะรางเผื่อจะได้คิดปฏิรูป ตัวเองเสียก่อน ก่อนที่จะไปปฏิรูปกษัตริย์

ภาพ จาก เฟซบุ๊ก จุลเจิม ยุคล ของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล
สงสารพ่อ แม่ อุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูจนถึงขนาดนี้ ดันไปหลงเชื่อสัมภเวสีที่ไหนก็ไม่รู้ สนตะพาย อนาคตจึงต้องจบลงอย่างน่าเศร้า”

สัมภเวสี คือ สัตว์ผู้ยังแสวงหาที่เกิด ซึ่งได้แก่ ปุถุชน และ พระเสระผู้ยังแสวงหาภพที่เกิด https://www.thaipost.net/main/detail/100317

ภาพ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“เด็กเอ่ยเด็กน้อย ความรู้เจ้ายังด้อยเร่งศึกษา

กรณี การอดข้าวประท้วงของ เพนกวิน และ รุ้ง นั้น
ไม่ใช่ความผิดของศาล ของทนาย หรือของรัฐบาล แต่อย่างใด เพราะการยื่นประกันตัว เพียงแค่ตกลงว่าจะไม่ออกไปทำความผิด แบบเดิมซ้ำอีกศาลก็ให้ประกันตัวแล้วครับ

แต่เพนกวิน สมัครใจที่จะอดข้าวกดดันศาล มากกว่าอยากจะประกันตัวออกมาข้างนอก เพราะต้องสร้างข่าวต่อเพื่อยกกระแส ม.112 ให้ดำรงอยู่ต่อไป และยังหลงตัวเองว่าเป็นคนดังอยู่เช่นเดิม

การอดข้าวประท้วงนั้น ในรอบ 50 ปีมานี้ ไม่เคยมีใครตายหรอกครับ เพราะกินน้ำ กินนม กินนมถั่วเหลือง กินโจ๊กผ่านหลอดดูด ฯลฯ เพนกวินคงรู้ดี จึงเลือกใช้วิธีนี้ ที่ดีกว่าเดินประท้วงจากขอนแก่นมากรุงเทพฯ
เหนื่อยกว่าแยะ

การอดข้าวประท้วงมี 2 แบบ คือ

1. ประท้วงเพื่อตัวเอง แบบเพนกวินนี้แหละ เหมือนกับ การประท้วงของเด็ก
ไม่ยอมกินข้าวต่อพ่อแม่ กรณีนี้ผู้ประท้วงจะเลิกไปเอง
เมื่อไม่มีคนสนใจ หรือถูกอมค่าตัว หรือเจ้าของโครงการไม่ยอมจ่ายเงิน ฯลฯ

2. การประท้วงอดข้าวเพื่อผลประโยชน์ต่อประชาชน นั้นจะเป็นผลสำเร็จ เมื่อประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน ไม่ใช่พวกรับเบี้ยเลี้ยงกันเองมาสนับสนุน

ผมเห็นเพนกวินแล้วก็ขำปนสงสารครับ ไม่ใช่สงสาร เพราะเขาอดข้าวนะครับ แต่สงสารเพราะเขาบังเอิญไปรู้จักคนเลวก่อนพบคนดีครับ”

ภาพ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จากแฟ้ม
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ไปร่วมเสวนา “The Return of the Red Shirts and its meaning for Thai politics” จัดโดยสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ประจำประเทศไทย (FCCT) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา

ในการนำเสนอของ นายณัฐวุฒิ มีประเด็นเกี่ยวกับการอดข้าวประท้วงของ “เพนกวิน” และ “รุ้ง” ด้วย ที่น่าสนใจระบุว่า
“ในความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า การอดอาหารของเพนกวินและรุ้ง และเพื่อนๆ วันนี้ ไม่ได้ส่งผลกดดันต่อรัฐบาล หรือต่อผู้มีอำนาจกลุ่มใด และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป ด้วยสุขภาพร่างกายของพวกเขา ซึ่งผมทราบมาว่า มีโรคประจำตัว ไม่ได้แข็งแรงนัก ความรักความผูกพันของพ่อแม่ ของประชาชนเพื่อนมิตรผู้ร่วมอุดมการณ์ สิ่งเหล่านี้กำลังเป็นแรงเสียดทานในความรู้สึกของทุกคนที่รักและห่วงใยพวกเขามากกว่า”

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เราต้องอยู่กับความจริง เมื่อเขาตัดสินใจเช่นนี้ ก็ได้แต่ภาวนา ว่า ขอให้พวกเขายังคงปลอดภัยอยู่จนถึงวันที่เขาจะเปลี่ยนการตัดสินใจหรือวันที่เขาได้รับอิสรภาพ ดังนั้น ต้องเรียกร้องกันทั้งสองฝ่าย เมื่อตนเสนอให้ แกนนำเลิกอดอาหารไม่ได้ ตนก็จะลองเสนอให้ฝ่ายรัฐ ฝ่ายผู้มีอำนาจลองอดอาฆาตดูบ้าง

“ผมเข้าใจดี และก็ยอมรับว่า อำนาจในการพิจารณาให้ประกันตัวเป็นอำนาจอิสระของศาล แต่จากประสบการณ์ตรงของผม ซึ่งติดคุกมาแล้วถึง 3 ครั้ง จากการต่อสู้ทางการเมือง ผมพบว่า ท่าทีของรัฐบาล ก็มีความสำคัญไม่น้อยเหมือนกันต่อการพิจารณาคำร้องขอประกันตัว”...

แล้วที่น่าสนใจไปกว่านั้น วันนี้ ศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” สองแกนนำกลุ่มราษฎร 63 จำเลยที่ 4 และ 7 ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112 และข้อหาอื่นๆ กรณีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง

โดยศาลใช้ดุลพินิจจากข้อเท็จจริงในคดีนี้ ปรากฏว่า จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 7 ไม่ถูกควบคุมและโจทก์นำตัวมาศาลโดยสมัครใจ จึงไม่น่าเชื่อว่า จำเลยทั้งสองจะหลบหนี พยานหลักฐานในคดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมเสร็จแล้ว และส่วนใหญ่เป็นเจ้าพนักงาน หรืออยู่ในความครอบครองของเจ้าพนักงาน จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองจะไปยุ่งเกี่ยวได้

ในส่วนการที่จำเลยทั้งสองจะไปก่อเหตุร้ายประการอื่นนั้น โจทก์และพนักงานสอบสวนไม่ได้แสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏในสำนวนว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่า จำเลยทั้งสองจะไปก่อเหตุใด

พนักงานราชทัณฑ์ชี้แจงว่า จำเลยทั้งสองมีความประพฤติดี เห็นว่า ไม่มีข้อเท็จจริงให้มีเหตุควรสงสัยว่าจำเลยจะไปก่อเหตุร้าย กอปรกับจำเลยทั้งสองแถลงยืนยันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 เม.ย. 2564 หากได้รับการปล่อยชั่วคราวจะไม่กล่าวพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรม ที่ทำให้เสื่อมเสียถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งได้แถลงยืนยันในวันนี้ ว่า ได้แถลงข้อความดังกล่าวด้วยความสมัครใจ และยืนยันว่า จะทำตามคำแถลงดังกล่าว จึงไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอให้เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองจะไปก่อเหตุร้ายอื่น...

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนได้แต่งตั้งทนายต่อสู้คดีตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ทั้ง สมยศ และ ไผ่ ยอมรับขบวนการตามกฎหมายเรียบร้อย หลังก่อนหน้านี้ แกนนำกลุ่มราษฎรทั้งหมดที่ถูกคุมขัง แถลงไม่ยอมรับขบวนการตามกฎหมายต่อศาล และขอถอนทนายความออกจากคดี

โดยอ้างว่า การไม่ได้ประกันตัว ทำให้ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องนี้ทนายความผู้เชี่ยวชาญ เห็นว่า การได้ประกันตัวหรือไม่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดีเต็มที่หรือไม่ เพราะโดยหลักการในทางคดีอาญานั้น “โจทก์มีภาระการพิสูจน์ความผิด” แปลว่า โจทก์มีหน้าที่ต้องนำพยานเข้าเบิกความเพื่อพิสูจน์ความผิด ให้ศาลเชื่อว่า พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ มีข้อเท็จจริงตามที่ฟ้อง ซึ่งศาลจะพิเคราะห์น้ำหนักทางคดี ตามพยานหลักฐานต่อไป

นั่นแสดงว่า ข้ออ้างนี้ไม่เป็นความจริง และไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง ของการไม่ยอมรับขบวนการตามกฎหมาย และถอนทนายความ

ส่วนการอดข้าวประท้วง ที่ไม่ได้ประกัน เพื่อปลุกสำนึกสังคมให้เห็นถึง “ความอยุติธรรม” อย่างที่ “เพนกวิน” กล่าวอ้างนั้น ประเด็นก็คือ อะไรคือ เหตุที่ไม่ได้ประกัน

เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดศาล อย่างที่หลายคนเสนอความเห็น แต่เป็นการปิดโอกาสตัวเองของ “เพนกวิน” และ “รุ้ง” เพราะไม่มีข้อมูลใหม่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ โดยทั้งสองยืนยันแต่เพียงว่า พวกตนมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้ประกันโดยไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ศาลอ้างถึงสาเหตุสำคัญ คือ การทำผิดข้อหาเดิมซ้ำซาก และไม่ทำตามเงื่อนไขประกันตัว ที่ศาลเคยให้ประกันมาก่อนแล้วหลายครั้ง

กระทั่งวันนี้ ดูเหมือนมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า การได้ประกันตัวของ “สมยศ” และ “ไผ่” นั้น ไม่จำเป็นต้อง ร้องขอให้ฝ่ายรัฐ ฝ่ายผู้มีอำนาจ “อดอาฆาต” เพราะไม่มีใคร “อาฆาต”

หากแต่เพียงแค่ “เพนกวิน-รุ้ง” ปฏิบัติตามกฎหมาย ยอมรับขบวนการตามกฎหมาย และยืนยันต่อศาลว่าจะไม่จาบจ้วงล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์อีก ไม่ทำผิดซ้ำ และไม่ไปร่วมม็อบ 3 นิ้ว ที่เสี่ยงทำผิดซ้ำ ก็ได้ประกันตัวแล้ว

แต่ถ้าไม่ ก็ไม่ควรมีใครออกมาร้องขอให้ ผู้มีอำนาจ “อดอาฆาต” เพราะไม่เป็นธรรมเหมือนกัน

สรุปว่า เรื่องนี้เป็นเกมที่ต้องการประจานศาลไทยให้โลกประณามว่า “อยุติธรรม” ในคดีอาญา ม.112 (ว่าด้วยการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์) ใช่หรือไม่

แล้วก็ชัดเจนว่า ขบวนการ 3 นิ้วต้องการอะไร!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น