แรงจัด! “ดร.อานนท์” ย้ำ หาก ปชป.เล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ตวเอง สูญพันธุ์แน่ๆ! หลังอ้างข่าวกรอง แฉพรรคเก่าแก่ เจรจาพรรคคนแดนไกล 3 ครั้ง “ลุงสุทิน” ซัด ไก่อ่อน สะเออะเป็นกูรูการเมือง “ราเมศ” จวก ให้ร้ายประชาธิปัตย์
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 เม.ย. 64) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ผมเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด อากงผมก็เป็นเพื่อนกับขุนทอง ภูผิวเดือน ขุนพลอีสานของพรรคประชาธิปัตย์ ตอนอากงเสียชีวิต นายขุนทอง ภูผิวเดือน ก็มาฝังศพ ผมจำได้
ที่ผมเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพราะศรัทธาอะไรหรอกครับ แต่คิดว่าเป็นพรรคการเมืองที่ชั่วน้อยสุดแล้ว แต่ไม่ใช่ไม่ชั่ว และตอนนี้ผมไม่คิดว่า พรรคประชาธิปัตย์ชั่วน้อยที่สุดเสียแล้ว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนเดียวที่ผมศรัทธามากที่สุด คือ ดร.ถนัด คอมันตร์ ส่วนคนอื่นผมไม่ได้นับถืออะไรมากนัก เฉยๆ เสียมากกว่า
ผมเสียดายที่สมัยก่อนอีสานบ้านเกิดผม เคยเป็นฐานเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ สมัยคุณประจวบ ไชยสาส์น พรรคประชาธิปัตย์เคยได้ ส.ส. ในอีสานเกือบ 30 ที่นั่ง พื้นที่อุดรธานี อุบลราชธานี คือ ฐานเสียงอันแข็งแกร่งของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ก็กำจัดคุณประจวบ ไชยสาส์น ออกไปจนหมด
พรรคประชาธิปัตย์ แทบจะสูญพันธุ์ในภาคอีสาน ฐานเสียงใหญ่สุดของประเทศ และสูญพันธุ์ไปแล้วจากกรุงเทพมหานคร และกำลังจะสูญพันธุ์จากภาคใต้ในไม่ช้า อีสานนี้ 100 กว่าเสียง ยังไงพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะเป็น loser forever เพราะเล่นการเมืองโง่ๆ ไม่สนใจประชาชนและมวลชนเลยแบบนี้
เลือกตั้งครั้งล่าสุด ผมเกิดความละล้าละลังมาก เพราะผมชอบผู้สมัคร ส.ส.เขตบ้านผมมาก คิดว่าเป็นคนดีใช้ได้ ตั้งแต่เป็นตำรวจน้ำดี อยากเลือกมาก แต่ผมรังเกียจท่าทีทางการเมืองของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ คุณชวน หลีกภัย มากเหลือเกิน ในขณะเดียวกัน ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ที่ลงสมัครในเขตบ้านผม ก็เป็นคนที่ผมทราบดีว่าเป็นคนเลว ใช้ไม่ได้เลย แต่เนื่องจากบัตรเลือกตั้งก็มีใบเดียว ผมเลือก ส.ส. เพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะผมไม่มีความจำเป็นต้องใช้บริการอะไรของ ส.ส.ในพื้นที่ ผมเลยเลือกผู้สมัครที่ผมทราบดีว่าเลว แต่คงดีกว่าเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาก
คำทำนายของผม คือ พรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นพรรคการเมืองที่ใกล้สูญพันธุ์เต็มที ถ้ายังมีท่าทีทางการเมืองแบบนี้ ตบตีกันเองไม่จบสิ้น ไม่มีความชัดเจนอะไรสักอย่าง เล่นการเมืองแบบนี้อาจจะมีแผ่นดินอยู่ แต่จะไม่มีตัวตนอะไร เพราะคนรู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว
จากคนเคยรักและเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด
จะไม่ฟังก็ไม่เป็นไร จะด่ากลับมา จะส่งองครักษ์พิทักษ์อดีตหัวหน้าพรรคมาด่าอีกกี่คนก็ส่งมา จะส่งติ่งมาถล่มด่าอีกกี่คนก็ส่งมา พวกคุณมันไร้ค่าไม่มีราคาอันใด และผมได้แต่เห็นว่า พรรคนี้จะสูญพันธุ์ไปในที่สุด ถ้ายังจะเล่นการเมืองกันแบบนี้อีก
ปล. ผมไม่ใช่กูรูการเมือง ไม่ได้สนใจจะเป็นกูรูทางการเมือง ผมแค่แสดงความเห็นและบทวิเคราะห์ตามที่ผมจะมีสติปัญญา แต่ที่ผ่านมาเขียนกี่บทความเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นไปตามที่ผมเขียน จะลองย้อนไปดูก็ได้นะครับ
https://mgronline.com/daily/detail/9620000053447
https://mgronline.com/daily/detail/9620000030867
การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่สนใจแต่เล่นการเมืองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง แบบนี้ไม่มีทางชนะใจมหาชน ลดความเห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองและพวกพ้องลงเถิดครับ
โดยก่อนหน้านี้ (13 เม.ย.) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ว่า
“เอาหละ ผมเล่าให้ฟังก็ได้ ข่าวกรองของพรรคการเมืองเก่าแก่นั้น ผมไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งอยู่เฉยๆ ก็จะมีรายงานมาหาผมสารพัดช่องทาง จากหลายฝ่ายหลายคน โดยที่ผมไม่ได้ขอไปทราบด้วย ในพรรคเองมีความแตกแยก เล่นพรรคเล่นพวก ชิงดีชิงเด่น ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอะไรหรอกครับ เวลาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ส่งคนโน้นไปเจรจาพรรคการเมืองคนแดนไกลกันสามครั้ง คนในพรรคต่างก็จ้องกันเองอยู่ และข่าวก็กระเด็นออกมานอกพรรคแบบต่อเนื่องสารพัดช่องทาง โดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้พรรคเก่าแก่พรรคนี้ทำไมจะสามัคคีกันไม่ได้เลย การเล่นพรรคเล่นพวกรุนแรงมาก
แล้วนี่ก็พอเสียลับ ถูกตีปลาหน้าไซ ดักทางไว้ ก็ตามหากันให้เลิกลั่กว่า ข่าวกรองออกมาได้อย่างไร อุตส่าห์ปิดกระมิดกระเมี้ยนไว้เป็นอย่างดี โถๆ ความลับมันไม่มีในโลกหรอก คนไม่ชอบกัน เกลียดกันในพรรคก็มีอยู่เต็มไปหมด หลายคนก็อยากมีอำนาจในหมู่พวกพ้อง เห็นใครได้ดีกว่าใครไม่ได้หรอกครับ
นี่ก็เที่ยวไปถามคนรู้จักผมว่า อาจารย์อานนท์ รู้ข่าวกรองมาได้อย่างไร คนถูกถามก็เลยตอบกลับไปว่า อาจารย์อานนท์หูตาสับปะรด รู้จักคนเยอะแยะเหลือเกิน แล้วข่าวกรองที่ว่ามันจริงไหมหละ คนมาถามก็เงียบ ได้แต่เก้อๆ ไม่กล้าตอบ
จบการรายงานข่าวกรอง”
จากนั้น เฟซบุ๊ก Sutin Wannabovorn ของ นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ดร.อานนท์ ลุงจะบอกให้ว่า หนูเป็นไก่อ่อนเพิ่งสอนขัน แค่ได้ออกทีวีโต้วาทีกับเด็กพิเศษที่ถูกพวกเขี้ยวแตกลายงาหลอกให้ติดคุก ทำเป็นกูรูเรื่องการเมืองมากทีเดียว
อ้างข่าวกรองว่า พรรคเก่าแก่ส่งคนไปติดต่อคนแดนไกลสามครั้งแล้ว ไก่อ่อนรู้ไหมว่า พรรคการเมืองของคนแดนไกล ใครทำให้ต้องยุบไปสองพรรคสามพรรค แล้วเปลี่ยนเป็นพรรคใหม่ เพราะวาจาสิทธิ์ของใคร รู้ไหมว่า ใครเป็นคนพูดว่า "ถ้ายังเล่นการเมืองแบบนี้ระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่..”
รู้ไหมว่า พรรคไหนที่ตั้งมาเจ็ดสิบกว่าปี มีนายกฯ สี่คน ไม่เคยมีประวัติคอร์รัปชัน รู้ไหมว่า นักการเมืองที่ต้องติดคุกติดตะรางในข้อหาปล้นชาติโกงแผ่นดินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ มีผลต่อเนื่องมาจากการหาหลักฐานอภิปรายในสภาและฟ้องร้องตามกฎหมายของพรรคไหน
เป็น ดร.ทางสถิติมาได้อย่างไรที่ให้นักการเมืองหลอกใช้ได้ ข่าวกรองข่าวเอ็กซ์คลูซีฟ คือ ข่าวหลอกใช้ อย่าคิดว่าคนเขาไม่รู้ที่ออกข่าวว่า ได้รับการ์ดเชิญไปงานนั้นโน้นนี้ แต่ไม่ไปเพราะเหตุผลส่วนตัว เพราะดังอยากมีตัวตน
ไก่อ่อนลองถามพิธีกรข่าวการเมืองว่า ระหว่าง ดร.กับเด็ก ป.4 ที่ชื่อสุทิน เขาเชิญใครมามากกว่าและใครเป็นคนปฏิเสธมากกว่า ใครเป็นคนร่านอยากออกทีวีท้าคนนั้นคนนี้ออกโต้วาทีผ่านทีวีมากกว่า
เราไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเก่าแก่ที่ไก่อ่อนกล่าวหาอย่างไร้สาระ ว่าส่งคนไปติดต่อคนแดนไกล ลองใช้สติคิดว่าไปติดต่อทำไม ลองใช้สติปัญญาคิดว่า ในบรรดาพรรคการเมืองที่มีในประเทศไทย คนแดนไกลเกลียดและกลัวพรรคไหนมากที่สุด
ลองใช้สติปัญญาคิดสิว่า พรรคไหนที่มีนักการเมืองได้ชื่อว่าเป็นผู้เที่ยงธรรมซื่อตรงสมถะมากที่สุดและอยู่ในแวดวงการเมืองยาวนานที่สุด
ลองสติคิดว่า มีนักการเมืองพรรคไหนที่มีบุคลากรเป็นเพชรล้ำค่าของวงการเมืองมากที่สุดบริหารประเทศนี้มาแล้วเกือบทุกกระทรวง ไม่ว่ากลาโหม ศึกษา สาธารณสุข พาณิชย์ อุตสาหกรรม ยุติธรรม ประจำสำนักนายกฯ และอื่นๆ เป็นนายกฯสองสมัยล่าสุด เป็นประธานรัฐสภาที่ได้รับการแซ่ซ้องมากที่สุด
ลองใช้สติปัญญาคิดไตร่ตรองว่า พรรคไหนที่มีสมาชิกพรรคให้ความเคารพศรัทธาเชื่อมั่นต่อบุคลากรล้ำค่าของพรรคมากที่สุด แล้วบุคลากรล้ำค่าที่สร้างความดีมาตลอดชีวิตจะยอมให้พรรคส่งคนไปติดต่อกับคนปล้นแผ่นดินโกงชาติพยาบาทอาฆาตสถาบันหรือ คิดสิคิด ไก่อ่อนเพิ่งสอนขัน
ส่วนเรื่องขัดแย้งแย่งกันเป็นใหญ่มีทุกพรรค สักแต่ว่า พรรคเก่าแก่เป็นพรรคที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีนายทุนใหญ่เจ้าของพรรคบงการทุกอย่าง พรรคเก่าแก่เป็นพรรคเสรีประชาธิปไตย จะทำอะไร เลือกใครเป็นหัวหน้าพรรคหรือตำแหน่งใดๆ ต้องผ่านมติที่ประชุมพรรค
นักการเมืองที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวในห้วงเวลาสี่ทศวรรษที่ผ่านมา และกำลังโลดแล่นอยู่ในสภาอย่างน้อยห้าสิบเปอร์เซนต์มาจากพรรคเก่าแก่นี้
พรรคเก่าแก่ไม่เคยขาดแคลนบุคลากรล้ำค่าที่เรียกว่าคลื่นลูกใหม่ อาทิ ดร.ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุติ และ นายราเมศ รัตนะเชวง เป็นต้น ล้วนแต่เป็นบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ สักแต่ว่า พวกเขาไม่ค่อยโปรโมทตัวเองทางโซเชียลเหมือนไก่อ่อนเพิ่งสอนขัน
มันเป็นสันดานของนักการเมืองที่มักใหญ่ใฝ่สูง เมื่ออยู่พรรคเก่าแก่เป็นเบอร์หนึ่งไม่ได้ก็แยกไปตั้งพรรคใหม่ ที่ผ่านเราเห็นมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบราย แต่ไม่มีใครที่แยกไปตั้งใหม่แล้วอยู่รอดปลอดภัยเกินสองสมัยเลือกตั้ง
ที่เลวร้ายและน่าเห็นใจ คือ คนที่รับงานมาจากคนภายนอกเพื่อแข่งขันชิงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคแล้วยึดพรรคให้ได้ พอพ่ายแพ้ก็เจ็บใจ จังหวะนี้เองที่คนภายนอกพรรคเสนอตำแหน่งให้ก็ออกไป
ที่น่าเจ็บใจคือ คนที่ถูกหลอกให้ออกไปเป็นหัวพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่พร้อมเสนอตำแหน่งเสนาบดีให้ แต่พอลาออกจากพรรคเก่าแก่ไปถูกหักหลังเคว้งคว้างตั้งกลุ่มโน้นกลุ่มนี้แต่ไม่ประสบความสำเร็จสักที ซ้ำร้ายจากเคยเป็น somebody ในพรรคเก่าแก่กลายมาเป็น nobody ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
เอาเป็นว่า เด็ก ป.4 คนนี้มีเรื่องมากมายที่อาจทำให้ ดร.ต้องเอาปริญญาไปคืนมหาวิทยาลัย เพราะเป็นไก่ก่อนสอนขัน”
ขณะเดียวกัน วันนี้ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“ก็ต้องขอขอบคุณที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด จะศรัทธาหรือไม่เป็นสิทธิส่วนตัว แต่ไม่มีสิทธิที่จะมาพูดจาให้ร้ายพรรคให้เกิดความเสียหาย พรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมายาวนานมีแพ้มีชนะ เป็นได้ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เป็นเรื่องปกติ อย่าห่วงว่าพรรคจะสูญพันธุ์ ถ้าเล่นการเมืองแบบโง่ๆ เหมือนนายอานนท์กล่าว คงไม่อยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ คุณจบ ดร. ควรพูดอะไรให้ฉลาด และคนที่มีความรู้ดีและมีคุณธรรมต้องพูดจากันด้วยเหตุด้วยผล ชี้นิ้วด่าคนอื่นว่าโง่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากปากคนที่บอกว่าเป็นครูบาอาจารย์ ที่เหยียดหยามคนอื่นว่าโง่” ...
แน่นอน, การวิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมืองใดก็ตาม หรือ การปกป้องพรรคการเมืองที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ของคนที่เห็นต่าง หรือ คนที่เชื่อมั่นศรัทธาในพรรคการเมืองนั้น ถือว่า เป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย ที่พรรคการเมือง เป็นส่วนหนึ่งของกลไกของการได้มาซึ่ง ส.ส.หรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะพรรคการเมือง มีสมาชิกพรรค และขณะเดียวกัน พรรคการเมืองต้องรับผิดชอบต่อประชาชน?
เพียงแต่ที่ต้องระวังก็คือ การใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งแตกต่างจากการวิพากษ์วิจารณ์โดยปกติธรรมดา รวมทั้งเห็นได้ชัดว่า อะไรสร้างสรรค์ หรือไม่สร้างสรรค์ ติเพื่อก่อ หรือ มุ่งทำลายล้าง
เหนืออื่นใด หากการวิพากษ์วิจารณ์เป็นความจริง หรือมีความจริง แทนที่จะโกรธ หรือ ตอบโต้ด้วยอารมณ์เคียดแค้น อาจลองมองในอีกมุมที่เป็นประโยชน์มากกว่า นั่นคือ การนำเอากลับไปทบทวนเพื่อหาทางแก้ไข และกำจัดจุดอ่อน ก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าคิดว่า คนที่วิพากษ์วิจารณ์มีอคติอยู่ร่ำไป ก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แถมยังเสียมวลชนที่เป็นสาวกของผู้วิพากษ์วิจารณ์ไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย
นี่คือ ปัญหาของพรรคการเมืองไทย ที่มักประเมินค่าตัวเอง ดี เก่ง และสูงส่งกว่าใคร แทนที่จะฟังว่า ประชาชนเขาคิด และประเมินอย่างไร จึงตามไม่ทันสังคม และความคิดอ่านของประชาชนอย่างที่พูดถึงกันอยู่ในเวลานี้ แถมไม่ยอมรับความจริง และไม่ยอมที่จะปรับตัวอีกต่างหาก จริงหรือไม่