“แรมโบ้” ซัดฝ่ายค้าน อะไรก็โยนให้นายกฯ ชี้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติเป็นเรื่องของสภา อย่าเอามาโยงรัฐบาลหาเรื่องไล่นายกฯ ให้ลาออก จวกเพราะฝ่ายค้านขาดความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกัน สภาจึงได้ล่มบ่อยครั้ง
วันนี้ (9 เม.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงฝ่ายค้านแถลงจี้นายกฯ-ส.ว.กรณีหารประชุมพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติล่ม พร้อมกับไล่ให้รัฐบาลลาออกหากไม่ผ่านวาระ 3 โดยระบุว่ากรณีที่สภาล่ม ระหว่างพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติ ถือเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาแต่ละคนจะพิจารณาว่าจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ เป็นจิตสำนึกความรับผิดชอบของสมาชิกรัฐสภาที่จะต้องไม่ให้องค์ประชุมล่ม แล้วมาเกี่ยวอะไรกับนายกฯ ตนไม่เข้าใจจริงๆ อะไรก็จะมาโยนให้นายกฯ และรัฐบาลทุกเรื่อง
ทั้งนี้ ตนเองเชื่อว่าการที่สมาชิกรัฐสภาบางคนไม่เข้าร่วมประชุมอาจเกิดจากกลัวการระบาดเชื้อโควิด เพราะมี ส.ส.บางคนติดเชื้อโควิด และหลายคนต้องกักตัวเอง 14 วันเนื่องจากใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ส่วนคนที่อยู่ไม่เข้าห้องประชุมก็ต้องฟังเหตุผลของแต่คนไป ดังนั้น การที่สภาล่ม ฝ่ายค้านไม่ควรที่จะเอามาเชื่อมโยงกับนายกฯ และรัฐบาล ที่ไม่เกี่ยวข้องกัน รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐสภา เพราะรัฐบาลมีความจริงใจในการขอเปิดประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติ แต่เมื่อสภาล่มมีปัญหาจะมาโทษรัฐบาลได้อย่างไรกัน ต้องโทษสมาชิกด้วยกันนั่นแหละจึงจะถูกต้อง อย่าโยนใส่นายกฯ ไม่เป็นธรรมเลยสักนิด
“และที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่าให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกหาก พ.ร.บ.ประชามติฉบับนี้ไม่ผ่านการพิจารณาในวาระ 3 ตนเองยังมองว่าไม่เป็นธรรมกับนายกฯ เพราะรัฐบาลมีความจริงใจในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ประชามติเข้าสู่สภา แต่การลงคะแนนผ่านหรือไม่ เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ จะมาโยงเกี่ยวกับหน้าที่ฝ่ายบริหารให้รับผิดชอบได้อย่างไร เช่นเดียวกัน ผมยังมองไม่ออกว่านายกฯ ทำผิดอะไรถึงต้องให้ลาออก นายกฯไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาและลงคะแนนไม่ได้ อย่าแกล้งไม่เข้าใจ สมาชิกรัฐสภาต่างหากที่ต้องรับผิดชอบ ทำไมวิปทุกฝ่ายไม่พูดคุยเจรจากันให้รู้เรื่อง ชอบทำตัวแตกแยกกันเองแล้วจะมาโยนภาระความรับผิดชอบให้นายกฯ และรัฐบาล อย่างนี้ถือว่าใช้ไม่ได้
ขอให้ฝ่ายค้านเลิกพูด เลิกนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเชื่อมโยงกับนายกฯ ได้แล้ว เพราะนายกฯ ก็บอกหลายครั้งว่าไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เป็นเรื่องของรัฐสภา ทั้งนี้ยังมองว่าฝ่ายค้านทำอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็มักจะออกมาเอาประเด็นต่างๆ มาโยนให้นายกฯ อย่างเดียว อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ฝ่ายค้านควรที่จะรับผิดชอบเองมากกว่าที่ไม่มีการพูดคุยร่วมกันกับสมาชิกฝ่ายรัฐบาล ดีแต่เล่นการเมืองมากจนเกินไป จึงทำให้เดินไปอย่างยากลำบากเพราะยึดแต่ผลประโยชน์ของพรรคตัวเอง เอาแต่ความคิดและแนวทางของพวกตนเองมากจนเกินไป ทุกอย่างจึงล้มเหลวตลอดมา เป็นเพราะสาเหตุฝ่ายค้านเล่นการเมืองมากเกินไป ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติประชาชนร่วมกันหรือเปล่า สภาจึงล่มบ่อยๆ ครั้ง” นายเสกสกลกล่าว