xs
xsm
sm
md
lg

“คณะสามนิ้ว” ขู่ศาล แลกประกันตัว-ได้ผล !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล

เมืองไทย 360 องศา


ก็ได้แต่หวังว่า วิธีการของ “คณะสามนิ้ว” ที่หันมาใช้วิธีการในแบบที่เข้าใจว่าเป็นลักษณะการ “ต่อรอง” หรือหากให้เข้าใจแบบตรงไปตรงมา ก็คือ “ขู่ศาล” นั่นแหละ โดยหวังว่า บรรดาจำเลยหลักๆ ราว 22 คน จะได้รับการประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี หลังจากที่มีความพยายามกันทุกทาง ยื่นขอประกันตัวกันหลายครั้ง แต่ศาลยกคำร้องทุกครั้ง

เนื่องจากเห็นว่าบรรดาจำเลยดังกล่าว ยังมีพฤติกรรมในลักษณะเดิมซ้ำซาก โดยเฉพาะยังมีการเคลื่อนไหวจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ และสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพของประชาชนส่วนใหญ่

อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะความผิดอื่นๆ ในแบบไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ศาลเคยให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวในลักษณะเดิมๆ อีก แต่พวกเขาก็ละเมิดทุกครั้ง จนในที่สุดเมื่อเข้าสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาล ก็ไม่ได้รับการประกันตัว และต่อมาเป็นที่ทราบกันดีว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ได้อดอาหารประท้วง โดยดื่มน้ำ นม และน้ำดื่มเกลือแร่เท่านั้น โดยประกาศว่าจะอดอาหารไปจนกว่าศาลจะให้ประกันตัว

 และเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ศาลก็ได้ยกคำร้องแม่ของนายพริษฐ์ ที่ให้ศาลออกคำสั่งย้ายลูกชายไปกักขัง และตรวจสภาพร่างกายที่โรงพยาบาลพระรามเก้า โดยอ้างว่า อาการของลูกชายทรุดหนัก หลังจากอดอาหารมาหลายวัน โดยศาลระบุว่า การย้ายผู้ต้องขังไม่ใช่อยู่ในอำนาจของศาล แต่เป็นอำนาจของ อธิบดีกรมราชทัณฑ์

อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันเดียวกัน ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน กับพวกรวม 22 คน แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112 ยุยงปลุกปั่นฯ ม.116 และข้อหาอื่นๆ จากกรณีร่วมกันชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 63 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย ซึ่งถูกคุมขังไม่ได้รับการประกันตัวมาศาล ส่วนจำเลยที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาลครบ โดยศาลอนุญาตเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน ไปเป็นวันที่ 8 เม.ย. 64

แต่ที่น่าสนใจก็คือ ได้มีจำเลยบางคน เช่น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่แถลงต่อศาลว่า หากได้รับการประกันตัวออกไปจะไม่พูดพาดพิงเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงอีก รวมไปถึง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน

แตที่น่าจับตาก็คือ กรณีของ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ แถลงว่า หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและพูดพาดพิงสถาบันฯ อีกอย่างเด็ดขาด โดยจะไปประกอบอาชีพร้องหมอลำเพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไป อีกทั้งยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) การวางเงื่อนไขห้ามออกนอกเขตกำหนด หรือการวางเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุม และจะมาศาลทุกนัด หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือไม่มาศาลนัดหนึ่งนัดใด ก็ยินดีที่จะให้ศาลถอนประกัน ซึ่งในกรณีนี้ศาลยังได้ระบุในเชิงที่ว่า “เป็นข้อมูลหลักฐานใหม่” และบันทึกไว้สำหรับใช้ในการพิจารณาต่อไป

มีเพียง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ที่นอกจากอ้างในเรื่องการถูกคุมขัง จะทำให้ขาดโอกาสทางการศึกษา และการต่อสู้คดี และที่สำคัญก็คือ ในระหว่างการแถลงต่อศาลได้ประกาศว่า “หากไม่ได้รับการประกันตัว จะทำการอดอาหารประท้วงทันที” ซึ่งท่าทีแบบนี้ มองอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นการ “ข่มขู่หรือต่อรองกับศาล” ที่ถือว่าไม่เคยเกิดเรื่อง “เหิมเกริม” แบบนี้มาก่อน


ดังนั้น เมื่อท่าทีของบรรดาจำเลยทั้ง 22 คน มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนแบบนี้ ระหว่าง 3 คนแรก เช่น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ที่แถลงต่อศาลยืนยันว่า หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัว) จะไม่พูดจาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อีก โดยเฉพาะ นายปติวัฒน์ ถึงกับยืนยันว่า นอกเหนือจากไม่พูดถึงสถาบันฯอย่างเด็ดขาดแล้ว จะหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งปวงโดยจะไปประกอบอาชีพหมอลำเพื่อหาเลี้ยงชีพโดยสุจริตต่อไป ทำให้ต้องจับตากันว่าพวกเขาจะได้ประกันตัวหรือไม่

ขณะที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เลือกใช้วิธีข่มขู่ศาล โดยประกาศว่าหากไม่ได้รับการประกันตัวจะ “อดอาหารประท้วงทันที” ก็ต้องรอดูว่าท่าทีแบบไหนจะได้ผล จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น