อดีตรองโฆษก ปชป.ชี้แกนนำม็อบสามนิ้วมาถูกทาง หลังบางคนประกาศกลางศาลไม่ยุ่งเกี่ยวชุมนุม ไม่แตะสถาบันฯ เชื่อโอกาสพ้นคุกสูง แนะสู้คดี ซัดทอดให้ชัดใครบงการ มีหวังได้ลดโทษ
วันนี้ (30 มี.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง ทางออกของม็อบ 3 นิ้ว เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มีเนื้อหาระบุว่า “หลังจากมีแกนนำบางคนเริ่มคิดได้ แถลงต่อศาลเมื่อวานนี้ว่าถ้าได้รับการประกันตัวจะไม่พูดพาดพิงสถาบันฯ อีก ผมคิดว่านี่คือแสงสว่างที่พอจะมองเห็นทางออกจากเรือนจำของแกนนำม็อบราษฎรบ้างแล้ว เคยพูดเรื่องนี้หลายครั้งว่าหนทางเดียวที่จะทำให้มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมซึ่งศาลได้วางไว้ในเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมความผิดซ้ำๆ ของผู้ต้องหาหรือจำเลยในข้อที่ถูกฟ้องหรือถูกกล่าวหา และศาลเคยให้โอกาสในการประกันตัวมาแล้วหลายครั้งด้วย แต่จำเลยก็ยังกระทำผิดซ้ำๆ จนศาลต้องใช้ดุลพินิจเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง และสิทธิฝ่ายที่ถูกกระทำคือสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยด้วย
ผมเชื่อว่าการที่แกนนำบางรายที่แถลงต่อศาลว่าถ้าได้รับการประกันตัวจะไม่ไปพูดพาดพิงสถาบันฯ โดยเฉพาะนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ มีการเสนอเงื่อนไขที่จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมพูดพาดพิงถึงสถาบันฯ หากได้รับการปล่อยชั่วคราว ยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการติดเครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) หรือห้ามออกนอกเขตกำหนดและจะมาศาลตามนัดทุกนัด น่าจะเป็นใบเบิกทางหรือเงื่อนไขนำไปสู่การปล่อยตัวชั่วคราวในโอกาสต่อไป และคงเป็นแสงสว่างที่ปลายทางอุโมงค์ให้กับจำเลยอื่นได้เดินตามในช่องทางที่ถูกต้องหากไม่อยากให้ชีวิตหนุ่มสาวต้องจบในเรือนจำ”
นายเชาว์ระบุด้วยว่า ข้อเท็จจริงความผิดมาตรา 112 ที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้กระทำเป็นสิ่งที่ปรากฏชัดต่อสาธารณะโจ่งแจ้งจนแทบไม่จำเป็นต้องสืบพยาน จะหาทนายที่เก่งกาจขนาดไหนก็รอดยาก จะอ้างว่าเป็นการต่อสู้ทางความคิดเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพก็ฟังไม่ขึ้น เพราะไม่มีเสรีภาพที่ไหนละเมิดกฎหมายได้ วันหนึ่งเมื่อคดีเดินไปถึงที่สุดก็หนีไม่พ้นโทษจำคุกตามระวางโทษที่กฎหมายกำหนด นอกเสียจากสำนึกผิดรับสารภาพต่อศาลว่าได้กระทำไปเพราะถูกยุยงปลุกปั่นทำให้เข้าใจผิดในข้อเท็จจริง เพราะอายุยังน้อยขาดประสบการณ์ยั้งคิด ยิ่งถ้าได้ให้การซัดทอดถึงกลุ่มผู้บงการหลอกใช้อยู่ข้างหลัง อย่างนี้ตนเชื่อว่าศาลจะลงโทษสถานเบา เผลอๆ อาจจะรอการลงโทษก็ได้ หรือถ้าลงโทษจำคุกก็น่าจะได้รับพระราชทานในที่สุด
“ดังนั้นถ้าไม่อยากให้การประกันตัวคือการออกจากคุกเพียงชั่วคราว ลองทำตามที่ผมแนะนำดู ปรับพฤติกรรม หยุดจาบจ้วง อยากปฏิรูปอะไรก็ใช้เหตุผล สู้บนวิถีทางที่ถูกต้อง เคารพสิทธิคนอื่น เหมือนที่หวงแหนสิทธิตัวเอง แบบนี้ไม่ใช่แค่ชั่วคราวแต่มีโอกาสสูดลมหายใจยาวๆ นอกคุก” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย