“เทพไท” เตือนรัฐบาลอย่าประมาท “กลุ่มสามัคคีประชาชน” นัดชุมนุม 4 เม.ย. “จตุพร” มีประสบการณ์นำมวลชนอย่างโชกโชน แนะ “บิ๊กตู่” ปลดล็อก เป็นผู้นำแก้ไข รธน.เอง โดยให้ ครม.เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภา เร่งทำประชามติสอบถามประชาชน ตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างใหม่
วันนี้ (27 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ว่า เป็นการก่อตัวของกลุ่มประชาชนจากหลายภาคส่วน ที่มีความต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ หลังจากถูกสมาชิกวุฒิสภาและพรรคพลังประชารัฐคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 มาแล้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความล้มเหลวและความไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า “อยากตัดวงจรสืบทอดอำนาจ ก็ไปแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ก็แล้วกัน” ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความท้าทายต่อกลุ่มการเมืองที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกำลังมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือ อุปสรรคของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้ได้เสียก่อน จึงจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ
ส่วนการประกาศนัดชุมนุมในวันที่ 4 เมษายน ที่สวนสันติพร ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย อย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่งรัฐบาลจะประมาทการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนกลุ่มนี้ไม่ได้เลย เพราะผู้นำการชุมนุมอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ และอีกหลายคน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้นำการชุมนุมที่มีประสบการณ์ด้านมวลชนมาอย่างโชกโชน เมื่อผสมโรงกับมวลชนของกลุ่มคณะราษฎร และมีมวลชนจากทุกสีเสื้อที่ผิดหวังกับการบริหารประเทศของ คสช.เข้าร่วมด้วย ก็จะเป็นการเคลื่อนไหวมวลชนที่สามารถสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลได้อย่างแน่นอน
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเห็นว่า เพื่อไม่ให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญขยายตัวเป็นวงกว้าง หรือเป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น จึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศความชัดเจนให้รัฐบาลเป็นผู้นำแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนโยบายเร่งด่วนเสียเอง โดยให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเป็นผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อที่ประชุมรัฐสภา และเร่งดำเนินการทำประชามติสอบถามความคิดเห็นของประชาชน ในการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาโดยเร็วที่สุด