วันนี้ (19 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานศึกษาปัญหาสัญญาโฮปเวลล์ ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เมื่อปี 2545 เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองที่กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครองตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มีนาคม 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เข้าข่ายเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญว่า ไม่มีความเห็น และเรื่องมันยาว
เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญสามารถนำไปใช้ในการขอรื้อคดีดังกล่าวขึ้นมาใหม่ได้หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ตามหลักการถือว่านั่นเป็นข้อเท็จจริงใหม่อยู่แล้ว แต่เราจะไปพูดแทนตุลาการศาลปกครองก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นดุลพินิจของเขา แต่ถ้าตามหลักที่ตนเรียนมามันคือเรื่องใหม่อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมายื่นทีไรก็บอกว่าไม่ใช่สักที ถามย้ำว่าถือเป็นการได้ข้อเท็จจริงใหม่ หรือได้ข้อกฎหมายใหม่ใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ใช่
ผู้สื่อข่าวถามว่าขั้นตอนกระบวนการต่อไปในการรื้อฟื้นคดีโฮปเวลล์จะเป็นอย่างไร นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ขอให้ไปดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ถามถึงกรณีมีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่จริง ถือว่ามีแนวโน้มที่รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายในคดีนี้ใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวย้ำว่า ให้ลองไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 5
เมื่อถามต่อว่าจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้รัฐบาลมีความได้เปรียบในคดีนี้หรือมีโอกาสในการชนะคดีใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ชนะหรือแพ้ไม่รู้ แต่มันบังคับไม่ได้แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ระบุไว้ว่า “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้”