โฆษก ป.ป.ช. รับ เอาผิดคนโกงโฮปเวลล์ ไม่คืบ บางคดีขาดอายุความ ยังไม่ตั้งอนุฯ แค่อยู่ระหว่างแสวงหาข้อเท็จจริง จับตาคำวินิจฉัยศาล รธน.พรุ่งนี้ ปมนับอายุความคดี ปค.นับจากวันที่ศาล ปค.เปิดทำการ ขัด รธน.หรือไม่ มีลุ้นจ่าย-ไม่จ่าย 2.4 หมื่น ล.
วันนี้ (16 มี.ค.) นายนิวัตไชย เกษมมงคล โฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีการร้องให้สอบเอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการโฮปเวลล์ ว่า ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะอยู่ระหว่างแสวงหาข้อเท็จจริง ที่ชัดเจนมีเรื่องเดียวคือ มีการยกคำร้องข้อกล่าวหานายสุเทพ กรณีบริหารสัญญาและการยกเลิกสัญญา โดย ป.ป.ช.วินิจฉัยว่าไม่มีมูล โดยการแสวงหาข้อเท็จจริงในขณะนี้จะมองทั้งกระบวนการ ตั้งแต่เริ่มต้นสัญญาว่าการดำเนินโครงการเป็นอย่างไร การบริหารสัญญาเป็นอย่างไร รวมทั้งกรณีการตั้งอนุญาโตตุลาการด้วย ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะบางกรณีที่อยู่ในช่วงต้นสัญญาคดีขาดอายุความไปแล้ว เพราะเกิน 20 ปีมาแล้ว โดยประเด็นที่ตั้งไว้คือ มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ อย่างไรด้วย
ส่วนกรณีที่มองว่าการชี้ขาดเรื่องทุจริตของ ป.ป.ช.อาจมีส่วนช่วยให้เกิดการรื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้านได้นั้น โฆษก ป.ป.ช.กล่าวว่า เข้าใจว่าคนตั้งความหวัง เพราะเห็นช่องทางว่าอาจมีการทุจริตในเรื่องนี้ แต่ ป.ป.ช.ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผลจะไปเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาหรือไม่อย่างไร โดยขณะนี้มีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเรียกเอกสาร ข้อเท็จจริงมาประกอบการตรวจสอบ จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าข้อมูลจะครบถ้วนพอที่จะพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด กรณีโฮปเวลล์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ โดยมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เมื่อย้อนดูไทม์ไลน์คดีนี้ พบว่า การบอกเลิกสัญญาเกิดขึ้นช่วงปลายรัฐบาล พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ช่วงเดือนกันยายน 2540 กระทรวงคมนาคม เสนอ ครม.ให้บอกเลิกสัญญา ก่อนที่จะมีมติ ครม.ให้ความเห็นชอบ จากนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจ รัฐบาลชวน 2 เข้าคุมบังเหียนประเทศ แต่กระบวนการยกเลิกสัญญายังเดินหน้าต่อ ขณะที่บริษัทต่อสู้เรียกค่าเสียหายกว่าสองหมื่นล้าน กระทั่งคณะอนุญาโตตุลาการ ชี้ว่า คมนาคม และ รฟท.ต้องจ่ายค่าโง่ก้อนนี้ จากนั้นศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนมติอนุญาโตตุลาการ ทำให้ รฟท.ได้เฮไม่ต้องจ่ายค่าโง่ ก่อนพลิกอีกรอบเป็นต้องจ่ายค่าโง่กว่า 2.4 หมื่นล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด วันที่ 22 เมษายน ปี 2562
อย่างไรก็ตาม ความพลิกผันในคดีนี้อาจเกิดขึ้นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/2545 ที่กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มีนาคม 2544 ที่ถูกใช้อ้างอิงในคดีดังกล่าว เข้าข่ายขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ย่อมเกิดคำถามทันทีว่า จะส่งผลต่อคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ผ่านมาว่าจะเป็นโมฆะหรือไม่ และโอกาสที่ รฟท.จะได้รื้อคดีจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด