“พิชชารัตน” โต้ฝ่ายค้านวิจารณ์ “สุพัฒนพงษ์” เพ้อฝันแก้เศรษฐกิจ วอนผู้วิจารณ์เดินเข้าตลาดไปถาม ปชช. “คนละครึ่ง-เราชนะ” ดีอย่างไร
วันนี้ (14 มี.ค.) นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โต้ ส.ส.ฝ่ายค้าน หลังโจมตีคำสัมภาษณ์ของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าเศรษฐกิจปี 2563 ที่ติดลบที่ 6.1% ต่ำสุดในรอบ 22 ปี คือความสำเร็จ และในปีนี้จะขยายตัว 4% นั้น เป็นเรื่องเพ้อฝัน
โดยนางพิชชารัตน์โพสต์ชี้แจงช่วงหนึ่งว่า โควิด-19 เริ่มระบาดในช่วงไตรมาสแรกของปี 63 ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก ของเราตอนนั้นทั้ง IMF ทั้งสำนักวิจัยต่างๆ ฟันธงว่าปี 63 นี้ประเทศไทยสาหัส ติดลบไม่ต่ำกว่า 10% แต่พอไตรมาส 2 เราก็เริ่มเป็นบวก และต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 3 และ 4 ทำให้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยบอบช้ำน้อยกว่าที่คาดกันไว้ จบที่ติดลบ 6.1% จากที่คาดกันว่าจะติดลบ 7-8%
พร้อมย้ำว่าไม่ได้บอกว่าเศรษฐกิจไม่มีอะไรเสียหาย แต่อยากจะบอกว่าเสียหายน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ขออย่าดูแค่ตัวเลขสุดท้ายว่า ติดลบ 6.1 เพราะต้องดูให้ต่อเนื่องจะเห็นว่ามันดีขึ้นเรื่อยๆ และตัวเลขต่างๆ ที่เราดูกันอยู่ ทำให้มั่นใจว่า ปี 64 นี้จะดีขึ้น
เนื่องจากมาตราการต่างๆ ของรัฐบาล อย่างเช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ ดังนั้นในระหว่างที่เรายังไม่กลับสู่ภาวะปกติเพราะยังต้องสู้รบกับโควิดอยู่นั้น ยังทำอะไรไม่ได้เต็มที่ในเรื่องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศ หรือแม้แต่การท่องเที่ยวที่เราพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติมาโดยตลอด ตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลกำลังเดินหน้าทุ่มเท วางแผนและคิดอย่างรอบคอบเพื่อที่จะดูแลประชาชน และทำเป้าหมายให้เป็นจริง จึงอยากให้ท่าน ส.ส.พรรคฝ่ายค้านอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง หากมัวเเต่พูดเรื่องความฝันจะมองไม่เห็นความสำเร็จที่แท้จริง
“อยากให้ท่าน ส.ส.ได้ลงไปสัมผัสกับประชาชนดู ไปเดินตลาดดูบ้างว่าคนเขาพูดถึงมาตรการคนละครึ่ง, เราชนะ ว่าดีอย่างไร วันหยุดคนออกไปเที่ยวกันมากขนาดไหน ดิชั้นเดินตลาด ไปต่างจังหวัด เห็นแต่ป้ายร้านค้าคนเข้าร่วมโครงการ หรือแม้แต่คนจะซื้อของยังถามเลยว่า “ร้านนี้รับคนละครึ่งมั้ยคะ” ดิชั้นไม่อยากจะโอ้อวดว่าโครงการเยียวยาต่างๆ ของรัฐบาลนี้ประสบความสำเร็จ แต่อยากให้ท่านลองฟังเสียงประชาชนดู” นางพิชชารัตน์กล่าว
ส่วนต่างประเทศมองอย่างไรนั้น ล่าสุด บริษัท Rating and Investment Information หรือ R&I บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น คงอันดับเครดิตไทยไว้เท่าเดิม คือ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ แสดงถึงความเชื่อมั่นในแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลและทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวและเติบโต ซึ่งตั้งแต่เกิดโควิดเมื่อปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ประเทศไทยไม่เคยถูกลดอันดับเครดิตเลย ทั้งจาก มูดี้ส์ เอสแอนด์พี และฟิทช์ เรตติ้ง ทุกสำนักคงอันดับเครดิตไว้เท่าเดิม เพราะทุกรายดูตัวเลขที่เกิดขึ้นจริงแล้วเห็นว่าประเทศไทยไม่ได้แย่ลงเลย เขาเชื่อในการบริหารจัดการของรัฐบาล ในขณะที่มีหลายๆ ประเทศถูกลดอันดับเครดิตลง