วันนี้ (11 มี.ค.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมอนุกรรมการส่งเสริมคุณธรรมระดับกระทรวง ซึ่งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) โดยมี น.ส.วรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันฯ เข้าร่วมการประชุมด้วยนั้น โดยการประชุมครั้งนี้มีการย้ำถึงความสำคัญในการส่งเสริมให้องค์กรในสังกัด ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม มีความโปร่งใสในการทำงาน เพื่อนำไปสู่ องค์กรคุณธรรม และที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานได้รับรางวัล จากการคัดเลือกองค์กรคุณธรรมที่ดี และถือว่ามีส่วนสำคัญทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่และองค์กร เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. เป็น 1 ใน 16 หน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบเกียรติบัตร เป็น “องค์กรคุณธรรม” ตามโครงการส่งเสริมชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 มีผลการดำเนินงานและจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559-2564) ด้วยการนำหลักธรรมทางศาสนาไปสู่การปฏิบัติ นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ และการดำรงรักษาไว้ซึ่งวิถีวัฒนธรรมไทยไปสู่การปฏิบัติ
นายธีรภัทร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายให้ข้าราชการหน่วยงาน ทุกกระทรวง ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหาร ดำเนินงานเป็นหลัก รวมทั้งตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) มาใช้ในการประเมินความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ที่สำคัญ ขอให้ทุกองค์กรกำชับการทำงานให้โปร่งใส่ ตรวจสอบได้ และยึดถือสิ่งเหล่านี้เป็นหลักในการทำงาน
ด้าน ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ขานรับนโยบายรัฐบาลในเรื่องคุณธรรม ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งได้มีการเน้นย้ำทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอว่าการทำงานของ สคช. ต้องพร้อมเปิดเผย ด้วยความโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยวันนี้ได้มีการมอบเกียรติบัตร องค์กรคุณธรรม ปีงบประมาณ 2562 จำนวน 16 หน่วยงาน อาทิ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) กรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค