xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวบิดเบือน! ครม. เตรียมอนุมัติเงินประกันรายได้เกษตรกร เพิ่มกว่า 5 หมื่นราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรณีการพาดหัวข่าวครม. เตรียมอนุมัติเงินประกันรายได้เกษตรกร เพิ่มกว่า 5 หมื่นราย ทางกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงข้อมูลว่า ทาง ธ.ก.ส. ได้มีการเสนอคำขอโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวต่อ ครม. จริง แต่ไม่ใช่ 50,000 ราย ข้อมูลที่ถูกต้องคือ ได้เสนอขอปรับกรอบวงเงินเป็น 50,000 ล้านบาท ซึ่งเนื้อหาของบทความดังกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว แต่ข้อความพาดหัวไม่ถูกต้อง

วันนี้ (1 มี.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าว เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ครม. เตรียมอนุมัติเงินประกันรายได้เกษตรกร เพิ่มกว่า 5 หมื่นราย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

กรณีการพาดหัวข่าว ระบุว่า ครม. เตรียมอนุมัติเงินประกันรายได้เกษตรกร เพิ่มกว่า 50,000 ราย ทางกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงข้อมูลว่า ทางคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มีการเสนอคำขอโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวต่อ ครม. จริง แต่ไม่ใช่เสนอเพิ่ม 50,000 ราย ข้อมูลที่ถูกต้องคือ ได้เสนอขอปรับกรอบวงเงินเป็น 50,000 ล้านบาท โดยจากเดิม 46,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 3,839 ล้านบาท รวมเป็น 50,646 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ธ.ก.ส. จะดำเนินการเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งเนื้อหาของบทความดังกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว แต่ข้อความพาดหัวไม่ถูกต้อง และอาจทำให้ผู้รับสารหรือประชาชนเกิดความเข้าใจผิด

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th หรือ โทร 02-618 2323

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ทางคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มีการเสนอคำขอโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจริง แต่ไม่ใช่เสนอเพิ่ม 50,000 ราย ข้อมูลที่ถูกต้องคือ ได้เสนอขอปรับกรอบวงเงินเป็น 50,000 ล้านบาท

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี


กำลังโหลดความคิดเห็น