xs
xsm
sm
md
lg

เงินร้อนๆ! “ดร.อานนท์” แฉ “ลูซเซอร์ทอน..เค็ม” สามกีบกินเงินบริจาค? “พุทธะอิสระ” ชวนสังคมตรวจสอบจริงจัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ แกนนำคณะราษฎร 2563 จากแฟ้ม
“ปมสู้แล้วรวย” จะซวยแล้วสิ “ดร.อานนท์” ลากไส้ “ลูซเซอร์ทอน-สามกีบ” หลังพบแกนนำมีเงินในบัญชี อู้ฟู่ “พุทธะอิสระ” ชวนช่วยกันคุ้ยแคะทรัพย์สินที่เป็นข่าว “ทราย” ให้สนใจราคาชีวิตไผ่ “รุ้ง” โยนตรวจสอบคนกินภาษี ปชช.

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (24 ก.พ. 64) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “ความเค็มของลูซเซอร์ทอน และความงกเงินของสามกีบ”

โดยระบุว่า ผมได้ทราบมาว่า ลูซเซอร์ทอน ทำการเมืองแบบเก่า แต่อ้างว่า เป็นคนรุ่นใหม่ โดยมีลักษณะเป็นพรรคหัวหน้าตั้ง และมีนายทุนพรรค ที่ไร้ความเป็นประชาธิปไตยและไร้การให้เกียรติลูกพรรค

ส.ส.พรรคนี้ ตอนเลือกตั้งใช้เงินนายทุนพรรค และถูกหักเงินเดือน ส.ส.ครึ่งหนึ่งใช้หนี้ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง หักเงินเดือน ส.ส.ครึ่งหนึ่งใช้หนี้ พรรคอื่นเขาเติมเงินเพิ่มให้จากเงินเดือน ส.ส. มิน่า งูเห่าสีส้ม ถึงได้มากมายนัก

ว่ากันว่า ในพรรค บริหารแบบเผด็จการฟาสซิสม์ ลูซเซอร์ทอน คือ ความถูกต้องไม่ฟังใครทั้งสิ้น

ในพรรคเอง ลูซเซอร์ทอนให้เงินค่าจ้างเพื่อนร่วมอุดมการณ์ตั้งแต่สมัย สนนท.ไม่มากนัก เมียเพื่อนที่ชื่อเกด ก็เกิดอาการหิวเงิน พยายามกดดันสามีว่า ต้องการมีเงินเก็บ ต้องไปหาทางให้ได้เงินจากลูซเซอร์ทอนมากกว่านี้

ลูซเซอร์ทอน ด้วยความเค็มเป็นทุนเดิม เป็นนายทุนหน้าเลือดอำมหิต ปลิดชีพปลดคนงานออกเพื่อกำไรสูงสุดของบริษัทมาตลอด แต่บอกว่า เห็นใจคนยากจน โถ ก็เลยเกิดความหวาดระแวงว่าจะถูกลูกน้องและเพื่อนโกง ทำให้ยิ่งเค็มหนัก ไม่ยอมจ่ายอะไรเลย

ภาพ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ จากแฟ้ม
วันก่อน สามกีบไปเกียกกาย รอรถเครื่องเสียงคันใหญ่ไปช่วยเก้อแล้วเก้ออีก ว่ากันว่า ลูซเซอร์ทอนไม่ยอมจ่ายเงินท่อน้ำเลี้ยงม็อบ เพราะกลัวถูกโกง การ์ดรุ่นใหญ่ย้อยก็ออกมาด่ายกใหญ่ เพราะลูซเซอร์ทอนไม่จ่ายเงินอีกต่อไป ตอนนี้แฉกันรายวัน เรื่องเงิน หมอผิวหนังล้มเจ้าหลงผิด นักร้องดังก็ออกมาแฉว่า ม็อบเคยจุดติด แต่แกนนำบางคนมายืมเงินแกแล้วไม่คืนด้วย

ด้วยความเค็มของลูซเซอร์ทอน กับความโลภหิวเงินของสามกีบ ทำให้ออกมาขอบริจาค ขอทานกันมากมาย โกงเงินบริจาค เป็นแกนนำสู้แล้วรวย ใส่ของแบรนด์เนมทั้งตัว ขับเบนซ์ แต่ดูแล้วไม่มีราศี ไม่มีราคาอะไรเลย คนมันเกรดต่ำ รสนิยมต่ำ นี่ขนาดอยู่ในคุก ยังขอทานออกมาทางโลกโซเชียลกันได้ โดยให้ทนายมาโพสต์แทน

นังหินดินกรวด มีเงินบริจาคเยอะมาก นางก็อมของนางไป งานอื่นๆ นางก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว

นี่บริวารก็ต่างหิวเงิน โหยหาเงิน ขี้โกงเงินบริจาค ฝ่ายนายทุนลูซเซอร์ทอน ก็หวาดระแวงว่าจะถูกโกง ซ้ำยังเกิดความปั่นป่วน ออกมาฉะมาแฉกันเอง ว่ามึงได้มากกว่ากู กูได้น้อยกว่ามึง มึงโกงเงินบริจาค ลูซเซอร์ทอนก็เค็มปิ๊ดปี๋ ตามประสานายทุนการเมืองแบบเก่า

นี่ตกลง มันจะจบไงหนอ ท่อน้ำเลี้ยงเค็มๆ ขาดตอนแบบนี้ รอดูกันต่อไปครับ ความงกเงินของสามกีบ ไม่เข้าใครออกใครเช่นกัน นี่แหละหนา เห็บหมาปรสิตกระโดดหนีหมาแก่ป่วยใกล้ตาย หมาจนตรอก มันเป็นเช่นนี้จริงๆ ครับ”

ภาพ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะอิสระ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)” ของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ก็โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“ลองฟังข้อเขียนของฝรั่ง หัวใจไทยดูบ้าง “โทนี คาตาลัคซี” ยังย้ำว่า....…ถ้าคุณมีปัญหากับประเทศของคุณ คุณมีสิทธิที่ลุกขึ้นเพื่อต่อต้านได้ แต่ถ้าคุณรับเงินจากต่างประเทศเพื่อมาโจมตีและต่อต้านประเทศของคุณ พฤติกรรมแบบนี้ เขาเรียกว่า “กบฏทรยศแผ่นดิน”

รวมความแล้ว ขบวนการล้มเจ้าเขามีคนจ้างหรือนี่ แว่วๆ มาว่า... หนูรุ้งมีเงินในบัญชีตั้ง 20 ล้าน หมอลำซิ่ง ไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน โตโต้ และ ทนายอานนท์ คนละ 5 ล้าน เพนกวิน ดูจะน้อยหน่อย 6 ล้าน

ล่าสุด รุ้งยังออกมาโพสต์แถประมาณว่า “ทำไมมาตรวจสอบบัญชีเธอ ทำไมไม่ไปตรวจสอบผู้ที่ใช้ภาษีประชาชนดูบ้าง” ประมาณนี้ แสดงว่า เธอก็ไม่ปฏิเสธว่าเธอมีเงินในบัญชี 20 ล้านจริงหรือเปล่า

นี่ยังไม่รวมแกนนำที่กำลังเดินอยู่ข้างถนน ขับรถเบนซ์ ใช้ของแบรนด์เนม เรื่องนี้จะจริง เท็จอย่างไร ยังไม่กระจ่างขอฝากท่านทั้งหลาย ช่วยสืบค้นข้อมูลให้กระจ่างด้วยแล้วกัน”

ภาพ จากเฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา ของ นายอานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร 2563 ซึ่งอยู่ในเรือนจำ เพิ่ม 6 รูปภาพใหม่ พร้อมข้อความว่า

“ความคืบหน้าเรื่องค่าใช้จ่าย 23 ก.พ. 64 กรุณาแสดงความเห็นโดยไม่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ครอบครัวขออนุญาตเก็บกวาดความเห็นที่ลดทอนคนอื่น หากพบเห็นความเห็นดังกล่าวกรุณาอย่าไปตอบโต้ โปรดนำเวลาอันมีค่าของท่านไปทำสิ่งที่มีค่า”

“สมทบทุน สามารถฝากเงิน/โอนเงิน เพราะไม่ทราบว่าจะต้องอยู่นานเท่าไหร่ ทางบัญชี ของอานนท์ ธ.ออมสิน 054011462840 ครอบครัวและเพื่อนทนายของอานนท์จะสลับสับเปลี่ยนกันนำเงินไปดูแลทั้ง 4 คน เท่าที่ทำได้และจะโพสต์ยอดการบริจาครวมถึงความคืบหน้า-สลิป ของเงินที่ฝากและซื้อของไป ทุกครั้งของการฝากเงิน #อย่าโพสต์สลิป ซึ่งมีรายละเอียดส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง”

จากนั้นยังโพสต์อีกว่า “ความคืบหน้าวันที่ 15 (23 ก.พ. 64) ของการถูกคุมขัง ผ่านไปกว่า 24 ชั่วโมง ยอดเงินจากประชาชนจำนวนพันกว่าคน ทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน สามารถอยู่ได้อย่างน้อยๆ 4 เดือน แม้ไม่มีใครประสงค์ให้ทั้ง 4 ใช้ชีวิตในสภาพเช่นนั้นก็ตาม อย่างไรก็ดีในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเช่นกัน ที่ครอบครัวได้พบเห็นข้อความลดทอนการต่อสู้เป็นจำนวนมาก จากผู้ไม่หวังดีหรือผู้ที่ยังสมาทานตนเองเป็นฝุ่น ซึ่งกล่าวหาเรื่องการหากินกับเงินบริจาค”

“แม้ไม่จำเป็นต้องชี้แจงเพราะอาจไม่เกิดประโยชน์ แต่ไม่เสียหายที่จะเขียน อานนท์ทำงานเป็นทนายความมาตลอดตั้งแต่เรียนจบ ไม่ได้ทำคดีที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ เป็นคดีที่ทำฟรีก็ไม่น้อย แต่ผู้ที่เคยสัมผัสก็อาจทราบว่าอานนท์ไม่ใช่ทนายที่ไร้ความสามารถ ไม่มีความจำเป็นต้องหากินกับเงินที่ได้รับจากความศรัทธา ทุกคนในครอบครัวล้วนมีงานสุจริตทำ แม้ไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่จำเป็นต้องรับบริจาคเงินมาใช้ และหากว่ากันตามตรง เงินบริจาคไม่ได้เยอะพอจะเอามาใช้ดำรงชีวิตระยะยาว หรือทำให้อยู่อย่างร่ำรวยอย่างที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด เพราะเงินบริจาคคือเงินฉุกเฉินเพื่อการใช้ชีวิตในช่วงที่วิกฤตฉุกเฉินเพียงเท่านั้น เงินเหล่านั้นไม่ว่าครั้งใดที่ได้รับมา ครอบครัวเชื่อว่า ผู้ที่โอนเงินให้ โอนมาด้วยความหวังว่า เงินจำนวนดังกล่าวจะทำให้ชีวิตของอานนท์ปลอดภัยขึ้น สะดวกสบายขึ้น ในสภาวะการเมืองที่มีอันตรายรอบด้าน เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับเรื่องการเดินทางและความปลอดภัย มิใช่เพื่อการกินหรูอยู่สบายอย่างที่ถูกลดทอนอยู่นี้”

“การสนับสนุนทุกรูปแบบล้วนมีคุณค่าที่ประเมินมิได้ต่อเขา การพิมพ์ข้อความให้กำลังใจ การส่งจดหมาย การทักทายกับเขาเมื่อเจอกัน ทุกๆกำลังใจล้วนสำคัญต่อการต่อสู้ไม่ใช่แค่ตัวเงิน มากไปกว่านั้นการออกมาปรากฏตัวของผู้คนที่ตื่นขึ้นแล้วต่างหากมีค่ากว่าอะไรทั้งหมด การโอนเงินเป็นเพียงหนึ่งในวิธีแสดงความสนับสนุนที่รวดเร็วและสะดวกมากที่สุดสำหรับคนทั่วๆไป โดยเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีมานี้ สามารถชี้แจงเรื่องการใช้จ่ายได้อย่างโปร่งใสเท่าที่จะทำได้ และเมื่อสิ้นสุดประโยชน์การใช้งานสำหรับการดูแลทั้ง 4 คน (เมื่อได้รับการประกันตัว) เงินทุกบาทก็จะถูกส่งต่อไปยังกองทุนประกันตัว ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบหักลบตัวเลขจากรายละเอียดที่ครอบครัวจะโพสต์ทุกๆ วันนับจากนี้ (ดูรายละเอียดการใช้จ่ายในอัลบั้มภาพ)”

“ท้ายที่สุด เงินทั้งหมดไม่ได้ใช้เพื่อความสะดวกสบายที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษ แต่ใช้เพื่อให้พวกเขาดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานได้โดยไม่ยากแค้นจนเกินไป”

“ปล. ขอความกรุณาอย่าก่นด่ากับสลิ่มในเฟซบุ๊กนี้เลย ปล่อยให้มันเป็นขยะและอากาศพิษซึ่งไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรือสูดดม จนต้องย่อยสลายหายไปด้วยตัวเอง ขอบพระคุณ”

ภาพ น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ขอบคุณภาพจากสยามรัฐ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ (23 ก.พ) แฟนเพจ God Drama ได้เผยแพร่ภาพกราฟิกของ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” แกนนำราษฎรอีสาน พร้อมชี้ให้เห็นการแต่งกายของนายจตุภัทร์ ด้วยของแบรนด์เนม ขณะทำกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” 247.5 กิโลเมตร โดยระบุด้วยว่า

“แบรนด์เนมทั้งตัวออกจากคุก ไม่มีงานทำ เเต่เอาเงินจากไหน”

ทั้งนี้ น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย นักแสดงชื่อดัง ฉายา “แม่ยกแห่งชาติ” ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Inthira Charoenpura ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า

เจอคอนเทนต์ราคาเสื้อไผ่กับอุปกรณ์งานเดินเข้าไปถึงกับเหม่อ..

นี่เคี่ยวเข็ญและขอร้องกันแทบตาย ว่าให้ใส่ ต้องใส่ รองเท้านี่คุณใส่รองเท้าเซฟร่างกายด้วยเถอะ ก็ยังจะดื้อบอกตอนเป็นพระผมก็เท้าเปล่าเดินได้ เดินไกลก็ใส่แตะเอา เลยต้องกางให้ดูว่า ถ้าเจ็บ เข้าโรงบาล มันไม่คุ้มไง หารระยะทางกับราคารองเท้าและค่าที่เราจะเซฟร่างกายได้ด้วยครับไผ่ แล้วเสื้อนี่ก็ใส่แล้วไผ่ก็ซักเอง ใครมันใส่เสื้อครั้งเดียวแล้วทิ้งวะ ข้าวของไผ่ส่วนใหญ่ก็เน้นทนนั่นแหละ เพราะพี่ก็ลุยจ๊างงงงงงงง

คนทำคอนเทนต์งี่เง่า แล้วก็เรื่องนึง คนเอาเรื่องนี้ไปเป็นสาระก็สิ้นสติกว่า จะบ้าตาย

สนใจอะไรกับราคาของใช้ ราคาที่ไผ่ต้องจ่ายชีวิตไป ต้องประกันตัวเพราะออกมาเรียกร้อง ต้องติดคุกนี่มีใครคิดราคาบ้างมั้ย

นี่ใส่ AF paranoise เดินเหมืองโครมๆ เขินเลย จะมีคนด่ามั้ย จะได้เอาที่แพงกว่านี้มาใส่เล่น
สติ -*-(จากสยามรัฐ)

เช่นเดียวกับ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” แกนนำกลุ่ม คณะราษฎร 2563 โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @PanusayaS ระบุว่า

“พี่มาจี้ว่าหนูมี 20 ล้าน ถ้างั้นคนที่ใช้ภาษีประชาชนปีละ 4 หมื่นล้านอ่ะ พี่ไปตรวจสอบด้วยนะคะ”

แน่นอน, ประเด็นสำคัญอยู่ที่ “เงินบริจาค” นั่นเอง

เรื่องนี้มีหลายคน โดยเฉพาะคนที่ร่วมบริจาค สะท้อนความรู้สึกออกมาว่า ไม่สบายใจ แม้ไม่คิดอะไรมากนัก เพราะเห็นแก่อุดมการณ์การต่อสู้ร่วมกัน แต่หนักเข้า เริ่มเห็นการใช้จ่ายส่วนตัว เช่น มีการแฉแกนนำบางคน ติดพนัน มีหนี้สินจำนวนมาก และมักนำเงินบริจาคไปใช้จ่ายส่วนตัว ถือว่า ขัดเจตนารมณ์ที่ผู้บริจาคต้องการให้เงินทุกบาททุกสตางค์ถูกใช้อย่างมีคุณค่าในการเคลื่อนไหวต่อสู้ ไม่ใช่ไปอู้ฟู่อยู่บัญชีแกนนำไม่กี่คน

ขณะเดียวกัน สิ่งที่แกนนำปฏิเสธที่จะจัดการให้โปร่งใสมาตลอด ก็คือ การเปิดเผยเงินบริจาคทั้งหมด ว่า เป็นจำนวนเงินเท่าไร ถูกใช้จ่ายเพื่อการเคลื่อนไหวต่อสู้อย่างไรบ้าง ม็อบแต่ละครั้งใช้เงินเท่าไร เหลือเงินบริจาคเท่าไร ตอนนี้อยู่กับใคร เพราะไม่เช่นนั้น การขอบริจาคก็จะไม่มีที่สิ้นสุด และแกนนำที่เปิดบัญชี ก็รวยเละอยู่ไม่กี่คน จริงหรือไม่?

เหนืออื่นใด อย่าลืมว่า ถ้าแกนนำคิดจะหาเงินบนศรัทธาทางการเมืองของคนที่ไม่เอาสถาบัน เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น จงรู้ด้วยว่า สิ่งที่ทำลงไปนั้น มันสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาล ไม่แต่เฉพาะการทำให้คนไทยแตกแยก คนรุ่นพ่อแม่ ขัดแย้งกับ รุ่นลูก และลูกตัวเอง ที่ร้ายกว่านั้น ยังทำร้ายจิตใจคนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าเป็นเช่นนั้น จริง แค่ติดคุก คงไม่อาจทดแทนได้

หรือ เมื่อฉันออกมาสู้ ออกมาเสียสละ ฉันต้องรวย จากเงินบริจาค ของพวกที่ใช้เงินเป็นส่วนร่วมในการต่อสู้ กินแรงแกนนำ ถ้าอย่างนั้นก็ว่ากันไป ส่วนคนที่จะต้อง “ทบทวน” ตัวเอง อาจเป็นคนที่บริจาค ว่า ยังเห็นด้วยกับการทำเช่นนี้หรือไม่

ถ้ารวยมาก ก็ช่วยบริจาคเป็นค่าราคาชีวิตการต่อสู้ของแกนนำ เอาที่สบายใจแล้วกัน!


กำลังโหลดความคิดเห็น