“ณัฐชา” เปิดคลิปแฉนายทหารสัญญาบัตรคุมปฏิบัติการไอโอ ปั่นข่าวเท็จบนโซเชียลฯ ตั้งตัวเป็นศัตรู ปชช. ผ่านฝึกอบรม ร.ร.จิตอาสา จนโดนทวิตเตอร์บล็อก ด้าน “บิ๊กช้าง” ปัด กห.ไม่มีนโยบายสั่งทำร้ายประชาชน แจงปฏิบัติการไอโอคือหลักสูตรหนึ่งในการพัฒนาทหารเรียนรู้สังคมโซเชียลฯ ไม่มีแยกฝ่ายขาว-ฝ่ายดำ ระบุเพิ่งเห็นคลิปวิดีโอที่ ม.21 ย้ำทหารก็คือ ปชช.ไม่มีสร้างความแตกแยก
วันนี้ (19 ก.พ.) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ 1. ไม่ปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่แถลงไว้เองต่อสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 7 ที่สัญญาว่าจะป้องกันและลดผลกระทบในเชิงสังคม ความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์ ในทางตรงกันข้ามกลับก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เสียเอง 2. จงใจใช้งบประมาณแผ่นดิน เวลาราชการ และบุคลากรของรัฐในการสร้างความเกลียดชัง 3. มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร และไม่ตอบสนองต่อการตรวจสอบของประชาชน และสภาผู้แทนราษฎร
นายณัฐชากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำให้อาชีพทหารแทนที่จะทำหน้าที่ปกป้องประชาชนจากอริราชศัตรู กลับตั้งตัวเป็นศัตรูของประชาชน แทนที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ เทิดทูนไว้เหนือการเมือง กลับนำเอาพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะกำบังตัวเองจากการวิจารณ์ของประชาชน เอาความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มาเป็นอาวุธทำร้ายประชาชน ทั้งหมดก็เพื่อค้ำยันบัลลังก์อำนาจของตัวเอง
โดยนายณัฐชาได้เปิดคลิปหลักฐานการประชุมออนไลน์ของมลฑลทหารบกที่ 21 ประกอบการอภิปราย เนื้อหามีการสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม และมองประชาชนทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์กองทัพว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งคลิปวิดีโอการประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นเวลา 4 วันก่อนศาลสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ มีการสั่งการให้เตรียมการรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดถึงรู้ก่อนล่วงหน้าได้ จากหลักฐานที่เปิดออกมานี้จะสังเกตเห็นได้ว่าคนนั่งหัวโต๊ะมีความกังวล และย้ำว่าอย่าให้เอกสารจะหลุด โดยเฉพาะเอกสารการเงิน แสดงว่าปฏิบัติการนี้มีการใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินภาษีของประชาชนใช่หรือไม่ ที่พวกท่านใช้มาทำงานด่าทอด้อยค่าประชาชน
“ทหารได้พูดในคลิปว่า ยังไงเราก็สู้ไม่ได้เพราะกำลังสู้กับฝั่งที่จัดตั้งมาดี มืออาชีพ ผมยืนยันตรงนี้นะครับว่าพวกท่านเข้าใจผิด เพราะคนที่ท่านคิดว่าเป็นปฏิบัติการไอโอของอีกฝั่ง แท้จริงเป็นแค่ประชาชนคนทั่วไปที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อท่านประเมินผิด นโยบายของพวกท่านจึงผิดพลาด คนที่เป็นทหารท่านน่าจะรู้ดีว่าหากกำหนดศัตรูผิดตัว มุ่งรบกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ปลายทางของพวกท่านมีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น เพราะยิ่งโดนแฉเท่าไหร่ก็ยิ่งตอกย้ำให้สังคมเห็นว่าคนที่เกลียดรัฐบาล เกลียด พล.อ.ประยุทธ์ เป็นของจริง แต่คนที่ชมรัฐบาล คนที่คอยสรรเสริญประยุทธ์เป็นของปลอม” นายณัฐชาระบุ
นายณัฐชากล่าวต่อไปด้วยว่า เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีเอกสารฉาวจากกองทัพหลุดมาอีกครั้งว่าด้วยการทำไอโอ โดยเป็นการเปิดอบรมผ่านหลักสูตรของโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน มีกลไกการทำงานแบ่งทีมเป็นฝ่ายขาว ที่เป็นงาน PR ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของสถาบันกษัตริย์ และฝ่ายดำมุ่งโจมตีด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาไม่จงรักภักดี และล้มล้างสถาบันฯ เอกสารนำเสนอที่หลุดออกมายังระบุกลไกการสั่งงานอย่างเป็นระบบผ่าน 2 แอปพลิเคชันที่ให้เอกชนทำขึ้น คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger โดยระดับแกนนำเท่านั้นที่จะใช้ 2 แอปนี้ในการทำงาน ส่วนระดับสนับสนุนใช้ไลน์กลุ่มตามเดิม ในเอกสารระบุหน่วยที่ใช้งาน 2 แอปนี้ว่ามี ร.2.รอ., ร.11.รอ., ร.21.รอ. และ ป.2.รอ. ทั้งยังปรากฏเป้าหมายยอดบัญชีไอโอกว่า 54,800 บัญชี ภายใต้การควบคุมดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพถึง 19 หน่วย
“การทวีตข้อความซ้ำๆ สร้างกระแสปลอมขึ้นมาในทวิตเตอร์มันผิดกฎ องค์กรระดับโลกอย่าง Twitter เลยนิ่งเฉยไม่ได้ เมื่อปลายปีที่แล้วทวิตเตอร์ระงับบัญชี 926 บัญชี โดยระบุชัดว่าพบปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก ทวิตเตอร์ก็มาแบนอีกบัญชีในช่วงเดือนพฤศจิกายน คือ บัญชีทางการหรือ official account ของ “โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน” ด้วยข้อหาเป็นสแปม หรือทวีตข้อความซ้ำๆ มากเกินไป”
นายณัฐชากล่าวต่อด้วยว่า การทำไอโอทำในนามโรงเรียนจิตอาสาก็จริง แต่ใช้ทหารในกองทัพ อาทิ ชื่อทวิตเตอร์ “เฮียตือ สนามเป้า” ตัวจริงคือ พ.ท.ธรรม์ มาลัยทอง สังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ หรือชื่อบัญชี “เสือขาว” ที่ทวีตโจมตีผู้ชุมนุมทาง Twitter ปรากฏว่าภาพที่ประกอบทวีตถูกชาวเน็ตนำไปขยายดูเงาสะท้อนจากกระจกรถ พบว่าสติกเกอร์ติดหน้ารถ ระบุว่าเป็นบัตรผ่านเข้าออกเขตพระราชฐานในพระองค์ 904 ปี 2563 ชื่อ คมทวน คล้ายอักษร ทะเบียนรถ 4 กว 5004
นายณัฐชากล่าวว่า มีหลักฐานอีกชิ้นว่ามีการสั่งการหลังบ้านให้ปฏิบัติการภารกิจไอโอ โดยผู้ประสานงานจิตอาสา 904 รุ่นหลัก 5/63 พล.ต.จักรชัย ศรีคชา หรือที่ทราบกันดีว่าเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พิมพ์สั่งลูกน้องโดยมีถ้อยคำที่ว่า “ให้เหมือนเราไปม็อบ แล้วบอกว่าการ์ดอาชีวะ กินเหล้า ทำพฤติกรรมรุนแรง ไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายของม็อบ”
นายณัฐชากล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องใช้ภาษีประชาชน ใช้หน่วยงานรัฐโดยไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีสร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยใช้สถาบันฯ เป็นเครื่องมือ การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะตอกลิ่มให้สังคมร้าวลึกแล้วยังทำให้บทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์ถูกตั้งคำถาม จึงขอไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกต่อไป
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมไม่มีนโยบายสั่งการให้หน่วยใดไปให้ร้ายใครก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันสังคมสื่อโซเชียลมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง เป็นเท็จก่อให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก มีผลกระทบต่อสถาบันฯ ความเรียบร้อย ความมั่นคง มีอยู่จริง จะเห็นมีอยู่ต่อเนื่องและเริ่มมากขึ้น ที่ว่าทหารไปให้ร้ายประชาชน ตนคิดว่าทหารก็คือประชาชน เมื่อแต่งเครื่องแบบก็เป็นทหาร แต่เมื่อกลับไปอยู่บ้านก็คือประชาชน ทางกองทัพต้องการทำอย่างไรให้ทหารเรียนรู้เข้าใจถึงการพัฒนาทางเทคโนโลยี โดยการให้ติดตามสื่อโชเชียลต่างๆ ให้เท่ากัน มีสติ ดูว่าข้อความในโซเชียลฯ นั้นถูกต้องหรือไม่ จะพูดอะไรต้องใช้วิจารณญาณเพราะมีผลกระทบ จึงเป็นที่มาของการจัดการอบรมให้ความรู้แก่กำลังพลให้เข้าใจถึงวิธีการที่จะใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ บัญชีเปิดเผยชัดเจนไม่ได้ปิดบัง ถ้าปิดท่านก็คงไม่มีรายชื่อมาแสดง
“ดังนั้น ไม่ได้กระทำเพื่อให้ร้ายใคร ท่านโยงไปมา โดยบอกว่าท่านเชี่ยวชาญมากกว่ากองทัพ มีการพูดถึงฝ่ายขาว ฝ่ายดำ ฝ่ายตรงข้ามนั้น เป็นลักษณะวิธีการของการเรียนรู้การฝึกปฏิบัติการทหารให้เข้าใจว่าวิธีการอย่างไร ไม่ได้หมายถึงฝ่ายตรงข้ามคือประชาชน โครงการจิตอาสาก็เช่นกัน เป็นการประชาสัมพันธ์ประวัติศาสตร์ของสถาบันฯ ให้รู้ถึงการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการการพัฒนา ถ้าติดตามดูจะเห็นว่าสิ่งที่กองทัพดำเนินการคือการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และให้รู้ว่ากองทัพทำอะไร เรามีภารกิจอะไร”
ส่วนเรื่องวีดิทัศน์ที่นำมาฉายนั้นตนก็เพิ่งเห็น ไม่ทราบเกิดขึ้นอย่างไร แต่ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ ทหารก็เป็นประชาชน ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและใช้ข้อมูล ถ้าเราไปดูในสื่อต่างๆ จะเห็นว่าไม่ได้ทำอะไรใส่ร้ายประชาชนให้เกิดความแตกแยก มีแต่จะทำอย่างไรให้ประชาชนรับทราบในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ได้สร้างแตกแยกในสังคม” พล.อ.ชาญชัยกล่าวยืนยัน