xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ยันไม่นิ่งนอนใจคดี “บอส” เพราะรังเกียจคนหนีคดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บิ๊กตู่” โต้ฝ่ายค้าน ยันไม่เคยนิ่งนอนใจคดี “บอส อยู่วิทยา” เพราะรังเกียจคนหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ เผยยังมีเวลาอายุความยาวจบปี 2570 เย้ย “ธีรัจชัย” ไม่เคยเป็นรัฐบาลไม่เข้าใจกระบวนการ

วันนี้ (16 ก.พ. 2564) เวลา 21.26 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจงถึงกรณี นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยมีการยกคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต ในปี 2555 ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสะเทือนใจของทุกคนในสังคม รวมถึงตนด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 แต่ก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าคดีดังกล่าวมีการดำเนินการที่ล่าช้าผิดปกติ มีข้อสงสัยจากสาธารณชนว่ามีความช่วยเหลือเป็นขบวนการทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ ตนก็รับไม่ได้เหมือนกัน ท่านบอกว่าตนได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้ ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน ตนรังเกียจคนพวกนี้ หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ออกหมายอะไรไปก็แล้ว แต่ไม่เคยได้กลับมาสักคนเลย คดีอื่นก็เหมือนกัน แต่ก็ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะกรรมการฯ กำหนดให้มีการรายงานผลการสอบสวนให้ตนทราบทุก 10 วัน มีการเชิญเจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิ อัยการ ตำรวจ ผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง ขอย้ำว่าได้อ่านเอกสารที่คณะกรรมการฯ ส่งมาทุกหน้า และรู้สึกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีกในประเทศไทย ไม่ว่ากับใครก็ตาม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำได้ในฐานะนายกฯ คือ เร่งรัดคดีนี้ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง ต้องเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อนายวรยุทธในคดีที่ยังไม่ขาดอายุความภายใน 30 วัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีอาญาต่อนายวรยุทธในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุเฉี่ยวชนให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ มีการออกหมายจับและประสานสานงานกับอินเตอร์โพลออกหมายแดงเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งทางอินเตอร์โพลได้ออกหมายแดงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2563 ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กำลังประสานงานกับตำรวจสากลเพื่อนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และหน่วยงานกลาง กำกับติดตามผลการตรวจสอบของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง 5 หน่วยงาน ทั้งนี้ ป.ป.ท.สรุปรายงานมาว่าเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกับกระทำความผิดในการช่วยเหลือนายวรยุทธ

นายกฯ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่เคยนิ่งนอนใจ เพราะรังเกียจคนที่ทำผิดกฎหมายหนีคดีและอยู่ต่างประเทศ โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้อง และเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ในส่วนของคดีที่ฟ้องไปในขณะนี้คดีจะหมดอายุความในวันที่ 4 ก.ย. 2570 จึงยังมีเวลาอยู่ ส่วนความร่วมมือต่างประเทศ กองการต่างประเทศของตำรวจได้ทำถูกต้องตามกระบวนการความร่วมมือตำรวจสากล ซึ่งหมายแดงนั้นเป็นการขอความร่วมมือว่าบุคคลนั้นเป็นที่ต้องการตัว แต่ไม่มีผลที่จะให้ประเทศต่างๆ เข้าจับกุม

ส่วนกรณีหมายแดงที่อ้างอิงหมายเลขพาสปอร์ตปลอมนั้นไม่เป็นความจริง แม้ว่าเลขพาสปอร์ตจะเปลี่ยน แต่ภาพถ่าย และลายนิ้วมือยังอยู่ ไม่ส่งผลต่อเลขพาสปอร์ตแม้จะเปลี่ยนกี่เล่มก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ แต่เรื่องคดีต้องใช้เวลาพอสมควรผลีผลามไม่ได้ หลายคนหนีคดีและสู้คดีหลายปีก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน และวัตุพยาน กับสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง

จากนั้น นายธีรัจชัยลุกขึ้นอภิปรายว่า นายกฯ ไม่ยอมตอบให้ชัดในสิ่งที่ตนตั้งคำถามเกี่ยวกับคดีนายวรยุทธ เช่น เรื่องการไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผบ.ตร. กรณีการโยนเรื่องให้อัยการสอบกันเอง กรณีเกี่ยวกับ ส.ว.เข้าไปแทรกแซง รวมถึงการตั้งกรรมการสอบตัวนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ตนอยากให้นายกฯ กลับไปแก้ไขทำให้ได้ ถ้าไม่ทำท่านอย่าอยู่ในตำแหน่งนายกฯ นี้เลย ทำให้นายกฯ ลุกขึ้นกล่าวสวนทันทีว่า “ท่านไม่เคยเป็นรัฐบาลจึงไม่เข้าใจว่ากระบวนการต่างๆ เป็นอย่างไร ใช้เวลาอย่างไร ท่านพูดเสมอว่าผมเลือก ส.ว.มาหมด 250 คน แต่ที่จริงมีอยู่ 50 คนที่เลือกมาจากประชาชน” นายกฯ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น