แกนนำม็อบราษฎรประกาศชัยชนะ หลังส่งตัวแทนเข้าไปทำพิธีหน้าศาลหลักเมืองสำเร็จ ยุติการชุมนุมแยกย้ายกลับบ้าน แต่ม็อบบางส่วนยังอารมณ์ค้าง เผชิญหน้าขว้างระเบิดปิงปองก่อกวนเจ้าหน้าที่ ได้รับบาดเจ็บ
ความคืบหน้าการจัดกิจกรรม “นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” ของกลุ่มราษฎร หลังจากได้เคลื่อนขบวนด้วยการเดินเท้าจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าไปยังศาลหลักเมือง เพื่อทำพิธีทวงจิตวิญญาณเมืองกลับมาเป็นของราษฎร และเมื่อไปถึงบริเวณหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน เวลาประมาณ 19.00 น.ขบวนผู้ชุมนุมก็ถูกสกัดด้วยแนวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้ประกาศแจ้งให้ทราบถึงการห้ามชุมนุมภายในรัศมี 150 เมตร จากเขตพระบรมมหาราชวัง
หลังจากนั้น แกนนำได้ขอเจรจาเพื่อส่งตัวแทนเข้าไปทำพิธีในบริเวณศาลหลักเมือง ขณะเดียวกัน ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ปิดไฟสปอตไลต์ที่ส่องไปยังผู้ชุมนุมด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ยอมปิด ผู้ชุมนุมที่อยู่แนวหน้าพร้อมโล่ได้เข้ารื้อแผ่นเหล็กกั้นของเจ้าหน้าที่เพื่อจะฝ่าแนวกั้นเข้าไป ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน และมีเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง พร้อมกับควันโขมง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการยิงแก๊สน้ำใส่ผู้ชุมนุม จนกระทั่งการเผชิญหน้ากันยุติลง และฝ่ายผู้ชุมนุมได้เจรจากับตำรวจขอส่งตัวแทน 4 คน นำโดย นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ และ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ พยาบาลแหวน เข้าไปทำพิธีบริเวณหน้าศาลหลักเมือง โดยทั้งสี่คนได้เข้าไปพร้อมกับนำขวดน้ำ 1 ขวดเทลงพื้น พร้อมกล่าวทำพิธีกับศาลหลักเมือง ขอให้เลือกข้างอยู่ฝ่ายราษฎรไม่ใช่ฝ่ายศักดินา ลงท้ายด้วยการกล่าวคำว่าศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎรจงเจริญ
หลังจากนั้น ทั้งสี่คนได้เดินชูสามนิ้วออกจากหน้าศาลหลักเมือง ไปยังบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันอยู่หน้าศาลฎีกา และนายอรรถพล ได้ขึ้นปราศรัยบนรถเครื่องเสียง นัดหมายให้มาชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ.เพื่อติดตามทวงถามกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้เรียกร้องให้ปล่อยแกนนำ 4 คน ที่ถูกจับกุมในฐานความผิดตามมารตรา 112 ไปก่อนหน้านี้ และไม่ได้ประกันตัว ได้แก่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายปฏิภาณ ลือชา หรือ หมอลำแบงค์ พร้อมกับได้ประกาศชัยชนะที่สามารถเข้าไปทำพิธีหน้าศาลหลักเมืองได้สำเร็จ
ขณะที่แกนนำปราศรัยอยู่นั้น ผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งยังคงเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังคงตั้งแนวกั้นระหว่างผู้ชุมนุมกับศาลหลักเมือง และมีการขว้างปาขวดน้ำสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้แกนนำที่ปราศรัยอยู่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอให้หยุดขว้างปา ถ้าไม่หยุดถือว่าไม่ใช่พวกเรา อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมบางส่วนยังคงรวมตัวเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ ทำให้ น.ส.ปนัสยา สิทธิจริวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำผู้ชุมนุม ได้เดินมาใช้โทรโข่งพูดกับผู้ชุมนุมให้ยุติการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่และเดินทางกลับบ้าน แต่ก็ยังมีผู้ชุมนุมที่ไม่ยอมกลับ
เวลาประมาณ 20.30 น. แกนนำที่ปราศรัยอยู่บริเวณหน้าศาลฎีกาได้ประกาศยุติการชุมนุมและแยกย้ายกันกลับ แต่ก็ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วนยังคงประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ และขว้างวัตถุเสียงดังคล้ายระเบิดอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งคาดว่าจะเป็นระเบิดปิงปอง จนเวลาประมาณ 20.50 น.เจ้าหน้าที่ประกาศจะสลายการชุมนุมขั้นเด็ดขาด และทำการจับกุมผู้ชุมนุมที่ยังไม่ยอมสลายตัว
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย โดยเมื่อเวลา 00.50น. ศูนย์เอราวัณด้รายงานข้อมูลผู้บาดเจ็บในเหตุชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินใน ที่นำส่ง รพ.รวม 20 ราย แบ่งเป็น รพ.ตำรวจ 15 คน
รพ.กลาง 2 คน
รพ.วชิรพยาบาล 1 คน
รพ. มิชชั่น 1 คน
รพ.แพทย์ปัญญา 1 คน