MGR Online - “บิ๊กอู๊ด” แจงเหตุชุมนุม 10 ก.พ. พบมีความผิด 4 ข้อหา ตำรวจถูกระเบิดเจ็บ 7 นาย ยินดีหากใครมีหลักฐานใช้แก๊สน้ำตา เผย ก่อนหน้านี้ ถูกขโมยหลายครั้ง พ้อชุมนุมทุกครั้งเจ็บทุกครั้ง ทั้งที่มือเปล่า ซัดจงใจทำร้ายเจ้าหน้าที่
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.กล่าวถึงกรณีม็อบราษฎรชุมนุมที่สกายวอล์ก MBK Center หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ และ สน.ปทุมวัน ช่วงเย็นวานนี้ (10 ก.พ.) ว่า ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. มีการทำกิจกรรม “รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” ที่สกายวอล์ก MBK Center เนื่องด้วยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะ และเป็นเส้นทางสัญจรของประชาชนทั่วไป อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสยาม ตำรวจเป็นต้องตั้งจุดคัดกรองพื้นที่โดยรอบ เพื่อตรวจค้นบุคคลต้องสงสัย และรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19
ระหว่างนั้น ปรากฏว่า ตรวจพบบุคคล 4 ราย ใช้สเปรย์พ่นบนป้ายข้อความมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ พร้อมวิทยุสื่อสารเครื่องยุทธภัณฑ์ของทหาร พลุควันสี และวัตถุอีกหลายอย่าง รวมถึงดิ้วเหล็กที่สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ จึงควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ไปที่ สน.ปทุมวัน ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมพยายามลงมาบริเวณหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ต้องการทำกิจกรรมบนเส้นทางจราจร ตำรวจเสริมกำลังขอความร่วมมือให้อยู่ที่สาธารณะ ห้ามลงไปเส้นทางการจราจร อาจสร้างความเดือดร้อนผู้ที่สัญจรไปมา ประกอบกับเป็นเวลากลางคืน อาจได้รับอันตราย จากกลุ่มบุคคลไม่หวังดีก่อเหตุอันตรายได้
จากนั้นมีการชักชวนกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดเดินทางไปที่ สน.ปทุมวัน เพื่อต้องการให้ตำรวจปล่อยตัวผู้กระทำความผิดทั้ง 4 ราย โดยไม่ดำเนินคดี ตำรวจไม่สามารถทำตามที่ร้องขอได้ เนื่องจากกระทำผิดกฎหมายจำเป็นต้องดำเนินคดี ขณะเดียวกัน ตำรวจได้เคลื่อนกำลังพลตามไปที่ สน.ปทุมวัน ปรากฏว่ ามีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งใช้ระเบิดปิงปอง พลุควันสี ประทัดลูกบอล ก้อนหิน และขวดขว้างปาใส่ตำรวจ จนเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บ 7 นาย อยู่ระหว่างตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานว่าเป็นผู้ใด ได้มีการยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนผู้กระทำความผิดรายอื่นๆ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ช่วงระหว่างเคลื่อนกำลังพลไป สน.ปทุมวัน วัตถุประสงค์เพื่อให้ตำรวจที่ สน.ปทุมวัน สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้ และเพื่อรักษาความสงบโดยทั่วไป มีการประกาศแจ้งเตือนเป็นระยะตลอดเวลา ยังตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ครบถ้วน ประชาสัมพันธ์ว่า หากมีประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บ ขอให้เข้ามาพบตำรวจ สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นาย กรณีที่มีประชาชนเกิดความระคายเคืองสาเหตุจากอะไรนั้น ทราบข่าวว่า มีประชาชนบริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบ อยู่ระหว่างตรวจสอบเป็นประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณนั้นหรือไม่ หรือบังเอิญเดินทางมาบริเวณนั้นพอดี
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับอุปรกรณ์ควบคุมฝูงชนตำรวจนำไปปกติ ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้มีคำสั่งใช้แก๊สน้ำตา ตามขั้นตอนการปฏิบัติก่อนจะใช้แก๊สน้ำตา จะมีการประกาศแจ้งเตือนให้ทราบว่า ตำรวจมีความจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามยุทธวิธี และใช้อุปกรณ์ในการควบคุมฝูงชน โดยให้เวลากลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมตัวล่วงหน้า หลังประกาศเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติจะต้องสวมหน้ากากกันแก๊ส ตั้งแนวปรับรูปขบวนเพื่อให้ตำรวจชุดอาวุธอุปกรณพิเศษเข้ามาดำเนินการ คือ หลักในการใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชน สังเกตได้ว่าตำรวจไม่มีการปรับรูปขบวน ไม่มีการสวมหน้ากากกันแก๊ส หากไม่สวมแล้วขว้างไปตำรวจเองก็ได้รับผลกระทบ จึงเป็นไปไม่ได้ว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตาโดยไม่สวมหน้ากาก
ตนขอย้ำว่า ตำรวจไม่ได้มีคำสั่งใช้แก๊สน้ำตา เป็นการจงใจสร้างสถานการณ์หรือไม่ ทราบเพียงว่า เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ส่วนจะเป็นของกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ จากการตรวจสอบมีรถยนต์ตำรวจถูกทำลายเสียหาย อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเก็บอยู่ในรถหรือไม่ หลุดรอดไปจากการชุมนุมครั้งก่อนหรือไม่ หรือออกมาจากรถที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ วานนี้เกิดเหตุชุลมุนในหลายจุด ตำรวจไม่ได้เป็นผู้ขว้างแก๊สน้ำตาแน่นอน โดยปกติแก๊สน้ำตาตำรวจจะเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ถ้าไม่จำเป็นจะไม่นำติดตัวมาออกมา มีเฉพาะหน่วยอาวุธและอุปกรณ์เท่านั้นที่นำติดตัว ก่อนหน้านี้ เคยมีรายงานว่าแก๊สน้ำตาของตำรวจหายไป อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าหายไปจำนวนเท่าไร
ทั้งนี้ พบว่า ทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย มีการพ่นสีใส่รถยนต์ตำรวจจอดไว้ใกล้เคียง สน.ปทุมวัน ไม่ได้ใช้ทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม เป็นรถที่ปฏิบัติรับใช้ประชาชนเสียหาย 8 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อยู่ระหว่างสำรวจวัตถุที่อยู่ภายในรถว่าสูญหายหรือไม่ แก๊สน้ำตา ระเบิดต่างๆ ที่พบในที่เกิดเหตุใช้ในทางราชการหรือไม่ ตำรวจต้องทำการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง หากยังจำกันได้ในการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา รถของทางราชการถูกทำลายหลายครั้ง อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนสูญหายไปหลายรายการ ในส่วนนี้มีการแจ้งความดำเนินคดีอยู่แล้ว
ที่ผ่านมา มีการขว้างระเบิดปิงปอง ประทัดลูกบอล ตนไม่รู้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบไหม ยอมรับว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ชุมนุมโดยสงบ มีบางส่วนเท่านั้นที่ใช้ความรุนแรง ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ว่าใช้ความรุนแรงทำไม เชื่อว่า ในที่เกิดเหตุมีการถ่ายรูปไว้เยอะ หากใครมีหลักฐานว่าตำรวจเป็นคนขว้างแก๊สน้ำตา ก็ยินดีนำไปประกอบดำเนินการตามกฎหมาย การที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ระเบิดปิงปอง พลุควันสี ประทัดลูกบอล ก้อนหิน และขวดขว้างปาใส่ตำรวจขณะเคลื่อนตัวไป สน.ปทุมวัน จนได้รับบาดเจ็บ 7 นาย ตนว่าไม่ใช่การชุมนุมแล้ว มองว่าเป็นการร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่ ตนว่าควรจะแยกส่วนจากการชุมนุม เห็นได้ว่าการชุมนุมทุกครั้งคนที่เจ็บก็คือตำรวจ
“ตำรวจจะปรับการทำงานตามยุทธวิธีและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเหตุการณ์ไม่รุนแรงตำรวจก็จะไม่ใช้อาวุธเลย หากสังเกตดูหลายครั้งตั้งแต่เริ่มต้น จะเห็นว่าตำรวจมาตัวเปล่าจนกระทั่งบาดเจ็บ ก็เริ่มใส่เครื่องป้องกันเนื่องจากเจ็บทุกครั้งที่ออกปฏิบัติ ในหลายครั้งก็บาดเจ็บสาหัสรักษาตัวเกิน 20 วัน หลังจากนี้ จะพิจารณาปฏิบัติตามรูปแบบ ตามยุทธวิธี โดยการนำอาวุธอุปกรณ์ใช้ให้ครบถ้วน อาทิ กระสุนยาง และ ปืนยิงแห เป็นอาวุธที่ได้รับอนุญาต มีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้วว่าตำรวจใช้อะไรได้บ้าง ตามความหนักเบาของสถานการณ์ เมื่อใช้แล้วจะกังวลหรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้น ตำรวจใช้ในลักษณะการรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันตัวไม่ได้ใช้สะเปะสะปะ เลือกใช้เป็นลำดับสุดท้าย ถ้าชุมนุมโดยสงบตำรวจก็ไม่อยู่แล้ว” น.1 กล่าว
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อว่า แกนนำที่มีการประกาศเชิญชวนและเคลื่อนขบวน ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี ทุกคดีจะให้ความเป็นธรรม ว่า คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเข้าร่วมชุมนุมจริงไหม หรือเป็นประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นสนใจเหตุการณ์แล้วออกมาดู ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่าใครกระทำความผิด ตำรวจไม่ได้เหมารวมว่าคนที่อยู่บริเวณนั้นทุกคนกระทำความผิด การชุมนุมวานนี้เบื้องต้นเข้าข่ายความผิด “พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหนักงาน และร่วมกันทำร้ายเจ้าหน้าที่” ส่วนความผิดอื่นอยู่ระหว่างตรวจสอบต่อไป พบว่า มีชาวเมียนมาจำนวนหนึ่งเข้าร่วมชุมนุมด้วยนั้น ก็ต้องถูกดำเนินคดีไม่เฉพาะชาวไทยอย่างเดียว ไม่ว่าชาติไหนถ้าทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี
ส่วนความพร้อมสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 16-19 ก.พ. หลังแกนนำประกาศให้มวลชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา ที่จะจัดคู่ขนานไปกับการอภิปรายที่จะถึงนี้ ตำรวจจะปฏิบัติตามแผนรักษาความสงบเรียบร้อย ใช้กำลังเท่าที่จำเป็น ไม่ได้เน้นเรื่องการจับกุม ตนเป็นห่วงเรื่องการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ขณะนี้ยังไม่พบความรุนแรง จริงแล้วก็อยากให้รักกันมีอะไรก็คุยกัน ตำรวจเป็นกลไกส่วนหนึ่งในการรักษาความสงบ การพิจารณาให้รอบอาคารรัฐสภาเป็นพื้นที่ควบคุมนั้น ต้องรอดูสถานการณ์การข่าวก่อน หากจำเป็นก็อาจประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุม
นอกจากนี้ สำหรับการดำเนินคดีเหตุการชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาครั้งแรก มีการจับกุมผู้กระทำความผิดจำนวนหนึ่ง ต่อมามีการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลเพิ่มเติมอีก 11 ราย พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา อยู่ระหว่างออกหมายเรียก พิสูจน์ทราบตัวบุคคล และรวบรวมพยานหลักฐานไปเรื่อยๆ การชุมนุมวานนี้ก็เช่นกันไม่ได้ดำเนินคดีเฉพาะ 4 ราย ที่จับกุมได้บริเวณจุดคัดกรอง ส่วนเหตุระเบิดบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าเซนต์หลุยส์ อยู่ระหว่างดำเนินการพบว่า มีการระเบิด 2 ครั้ง จากการตรวจสอบเป็นประทัดลูกบอล เนื่องจากการพิสูจน์เบื้องต้นในที่เกิดเหตุ เป็นดินแรงดังต่ำไม่มีสะเก็ด วัตถุที่พบเป็นพลาสติก จึงเชื่อว่าเป็นประทัดลูกบอลที่มีขายทั่วไป เบาะแสผู้ก่อเหตุขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก