xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวไกลพล่านก่อนตาย เลิก ม.112 ล้างสถาบันฯ!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ก็ถือว่าเป็นการเปิดหน้าเปิดตากันอย่างชัดเจนแล้ว สำหรับพรรคก้าวไกล ที่เข้าใจกันแบบรวบรัดตัดความไม่ต้องอธิบายอะไรให้เยิ่นเย้อว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ทุนธุรกิจ” และยังเป็นผู้สนับสนุนการชุมนุมของ “ม็อบสามนิ้ว” ให้เคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในระยะหลังที่มีความชัดเจนว่า “เป้าหมาย” คือ เจตนา “ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์” และล่าสุด พรรคการเมืองดังกล่าวก็ได้ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.เกี่ยวกับกรณีคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จำนวน 5 ฉบับ
จากการแถลงของตัวแทนของพรรคก้าวไกล อ้างว่า สาระสำคัญของร่างกฎหมายทั้ง 5 ฉบับนั้น 1. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ.... มีเนื้อหาแก้ไขเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท เพื่อประกันเสรีภาพในการแสดงออกให้ได้สัดส่วนกับการเคารพในสิทธิ หรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น สอดคล้องกับหลักสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ โดยส่วนที่หนึ่ง เป็นการยกเลิกโทษจำคุกให้คงเหลือแต่โทษปรับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นบุคคลทั่วไป (ม.326, 328, 393) ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน (ม.136) และศาลหรือผู้พิพากษา (ม.198)
ส่วนที่สอง ย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 112 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ “ลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” เพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งในแง่ของโครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ การยกเว้นความผิด การยกเว้นโทษ และผู้ร้องทุกข์
“เพื่อคุ้มครองพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ และของพระราชินี รัชทายาท รวมทั้งเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้เหนือกว่าประชาชนทั่วไป จึงกำหนดอัตราโทษให้ยังมีโทษจำคุก แต่ลดอัตราโทษลงมาไม่ให้รุนแรงจนเกินไป ไม่กำหนดโทษขั้นต่ำไว้ รวมทั้งสามารถพิจารณาลงโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อให้ได้สัดส่วนกับสภาพความผิด กล่าวคือ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีบทยกเว้นความผิดและยกเว้นโทษ โดยบัญญัติให้ผู้ใดติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่มีความผิด และเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปนำฐานความผิดนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ และกำหนดให้ความผิดในลักษณะนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
ส่วนที่สาม ย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท ประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐต่างประเทศซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มาสู่ราชสำนัก ตามมาตรา 133 และ 134 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่คือ “ลักษณะความผิดเกี่ยวกับเกียรติยศของประมุขแห่งรัฐหรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ” เพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งในแง่ของโครงสร้างของบทบัญญัติและอัตราโทษ โดยยกเลิกโทษจำคุก คงเหลือแต่โทษปรับ
2. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) เป็นการแก้ไขกำหนดบทลงโทษเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือ พนักงานสอบสวน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ กระทำการบิดเบือนกฎหมายในระหว่างทำการสอบสวน มีความเห็นทางคดี สั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี เพื่อเกิดประโยชน์ หรือความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ให้โทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี
3. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ...) ว่าด้วยการกำหนดคำนิยม คดีปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะ และกำหนดให้จำเลยสามารถยื่นคำร้องขอให้ยุติคดี กำหนดให้มีการไต่สวนอย่างเร่งด่วน และการชดใช้ความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแก่จำเลย
4. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่…) พ.ศ. … และ 5. ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …
“พรรคก้าวไกลไม่ได้ยกเลิกกลไกในการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐเอาไว้ โดยเรายังคงกำหนดโทษเเละความผิดเอาไว้ เพียงเเต่เราปรับลดลงมาให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อป้องกันไม่ให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท แน่นอนสิ่งที่เราเสนออาจจะไม่ถูกใจกับผู้ที่ต้องการเห็นสมควรให้ยกเลิกไปเลย หรือควรเเก้ไขให้ก้าวหน้ากว่านี้ แต่เราในฐานะพรรคการเมืองเราควรที่เสนอที่พอรับได้มากที่สุด และทุกฝ่ายพอจะคุยกันได้ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดเเย้งทางการเมือง เเละหากเมื่อร่างดังกล่าวเข้าสภาผู้แทนราษฎร เราจะหารือกับทางพรรคอื่นๆ เพื่อหาเเนวทางด้วยกันอย่างมีวุฒิภาวะต่อไป” พวกเขาตอบคำถามเมื่อถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีเจตนาล้มล้างสถาบันฯ และล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไม่แน่ใจว่า เมื่อได้เห็นการตบเท้ามายื่นร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ที่มีไว้สำหรับลงโทษผู้ที่ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ที่เป็นองค์ประมุขของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วจะรู้สึกอย่างไรกันบ้าง หรือทนฟังการแถลงเหตุผลของคนในพรรคก้าวไกลได้แค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ได้เห็นเจตนาของพวกอย่างชัดเจนแล้วว่า “เป็นอย่างไร”
เพราะเหมือนกับที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า นี่คือ การ “เปิดหน้า” อย่างชัดเจนในแบบที่ไม่ต้องอ้อมค้อมกันอีกต่อไป เนื่องจากเนื้อหาในร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวมันชัดเจน ด้วยเจตนาที่เหมือนกับต้องการให้มีการวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รวมทั้งให้ลดโทษไม่เกินหนึ่งปี และ 6 เดือน หรือให้เหลือแค่โทษปรับเท่านั้น
ขณะเดียวกัน มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการ “ระเบิดฆ่าตัวตาย” ทางการเมืองทิ้งทวน เพราะรู้ดีว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้ในทางการเมืองถือว่า “ฆ่าตัวตาย” ชัดๆ เนื่องจากรู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องสร้างความไม่พอใจกับชาวบ้าน และสังคมที่ไม่ต้องการให้มีการ“เหยียบย่ำ “สถาบันฯ และที่ผ่านมา สังคมก็มีการสั่งสอนจากการเลือกตั้งนายก อบจ. มาแล้ว ซึ่งคาดการณ์ได้ล่วงหน้าเลยว่า ในการเลือกตั้งคราวหน้าหากยังมีพรรคก้าวไกลในตอนนั้นจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาหรือไม่

ดังนั้น เหมือนกับว่า เมื่อไปต่อลำบาก ก็ขอสร้างความปั่นป่วน สร้างความกราดเกรี้ยว ยั่วประสาทให้ได้มากที่สุด ไม่ต่างจากการ “ถือระเบิดฆ่าตัวตาย” เพื่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างให้มากที่สุด เพราะรับรู้กันอยู่แล้วว่า การเสนอแก้ไขแบบนี้ “ไม่มีทางสำเร็จ” แต่เป้าหมายก็เพื่อต้องการใช้เวทีสภาได้พาดพิงพระมหากษัตริย์ และสถาบันฯ ในแบบ “หวังดีประสงค์ร้าย” ตรงตามเจตนาของ “ลูกพี่” คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวก ที่มีทัศนคติทางลบต่อสถาบันฯมาตลอด

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการเคลื่อนไหวที่คู่ขนานเกาะเกี่ยวไปกับองค์กรต่างประเทศในเครือข่ายเดียวกันเพื่อหวังสร้างแรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งก็มีเป้าหมายเพื่อ“ลบล้างความผิด”ของตัวเอง กับพวกซึ่งมีทั้งนักเคลื่อนไหว กลุ่ม “หัวโจกม็อบสามนิ้ว” ที่กำลังถูกดำเนินคดีในความผิดตาม มาตรา 112 กันกราวรูด จากความเหิมเกริมของตัวเองที่ก่อขึ้นเองทั้งสิ้น บางคนก็เริ่มเข้าสู่ชั้นศาลแล้ว และถูกศาลสั่งห้ามประกันตัว เนื่องจากยังมีเจตนาทำผิดซ้ำซาก

ดังนั้น หากให้สรุปให้เห็นภาพกันอีกทีก็ต้องย้ำว่าการเคลื่อนไหวแก้ไข มาตรา 112 ซึ่งต้องการให้มีการลดโทษเหลือแค่โทษปรับจากโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 15 ปี ถือว่ามีเจตนาท้าทายความรู้สึกของสังคมคนไทยส่วนใหญ่ และเชื่อว่า ไม่มีทางทำได้สำเร็จ แต่เป้าหมายก็เพียงแค่ให้เกิดความปั่นป่วน สร้างกระแสให้เดการวิพากษ์วิจารณ์พาดพิงเอ่ยถึงพระมหากษัตริย์และสถาบันฯเท่านั้น

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับเป็นการ“รู้ชะตากรรม”ล่วงหน้าว่า อนาคตของพรรคก้าวไกลว่าจะไม่มีทางก้าวไกลสมชื่อแน่นอน เพราะหากไม่โดนยุบพรรคเสียก่อน จนไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าก็คงถูกสังคมสั่งสอนอย่างเจ็บปวดอีกเป็นแน่

ดังจะเห็นได้จากมี ส.ส.ในพรรคอย่างน้อย 9 คน ที่ไม่ยอมร่วมลงชื่อในการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากคนพวกนี้ยังต้องการมีอนาคตทางการเมืองต่อไป หรือย้ายพรรคในวันหน้า มันถึงได้บอกว่าเป็นการ “ถือระเบิดฆ่าตัวตาย” ของพรรคก้าวไกล เพื่อสร้างความปั่นป่วนและให้เกิดผลกระทบบกับสถาบันฯ เท่านั้นเอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น