“โรม” โต้ “สิระ-ชัยยันต์” ปมเกาะงำ ยันไม่เคยใช่ความรุนแรงต่อเด็ก ท้าเปิดกล้องวงจรปิดดูได้ เชื่อดิสเตรดิตก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังรัฐบาลกังวลว่าจะอยู่ต่อไม่ได้ ลั่นฟ้องแน่ทั้งอาญา-แพ่ง
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ชี้แจงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ และนายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวหาตนว่ากระทำการคุกคามเด็ก และชาวบ้านบนเกาะงำ จ.ภูเก็ต ว่าก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหายแก่ตัวเอง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะกรณีเกาะงำนั้นตนได้เดินทางไป 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 62 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเสียอีก ซึ่งเป็นการไปปหาเสียง และชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าเป็นดังกล่าวเป็นเกาะที่มีนายทุนต้องการฮุบเป็นของส่วนตัว บนเกาะมีเพียงครอบครัวเดียวที่ดูแลลผลประโยชน์บนเกาะนี้ให้กับนายทุน ตนจึงเดินทางไปสำรวจดูโดยใช้เวลาไม่มากก็เดินทางกลับ และได้เดินทางไปอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 62 หลังชาวบ้านร้องเรียนว่าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเกาะดังกล่าวได้ เมื่อชาวบ้านพานักท่องเที่ยวไปมีการใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าข่มขู่ โดยวันดังกล่าวชาวบ้านเป็นผู้ประสานกับตน พร้อมกับประสานกรมป่าไม้เพื่อลงพื้นที่ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ เมื่อลงพื้นที่ก็พบว่ามีครอบครัวเดียวที่อาศัยอยู่บนเกาะจริงๆ เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงได้สอบถามรายละเอียดต่างๆ กับลุงที่ครอบครองบ้านพักบนนั้น ยอมรับว่าบรรยากาศการพูดคุยไม่ได้ราบรื่น เพราะเป็นการถามไถ่เรื่องเอกสารสิทธิในการครอบครอง ซึ่งลุงก็ชี้แจงว่าไม่มีเอกสาร เพราะเป็นชาวบ้านจากที่อื่นไม่มีที่ทำกินจึงมาอยู่ที่นี่
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ตนตระหนักว่าการพูดคุยต้องไม่รุนแรงเพราะมีเด็กเล็ก ซึ่งเด็กๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี ระหว่างการพูดคุยก็เตะบอลกันปกติ ไม่มีความรุนแรงข่มขู่ หรือเอาตัวไปกักขังที่ใดที่หนึ่งเพื่อกดดันให้ครอบครัวนี้ออกจากเกาะ เพียงแต่มีการตกลงโดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ว่าให้ทำเป็นเอ็มโอยูเขียนด้วยลายมือให้ลุงเตรียมตัวออกจากพื้นที่ดังกล่าว ตนเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม กรณีนี้แตกต่างจากประเด็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในป่า เพราะเรื่องนี้เริ่มจากการใช้ความรุนแรงเพื่อฮุบเป็นเกาะส่วนตัว ตนจึงต้องลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหา แต่เรื่องนี้นายสิระและนายชัยยันต์อาจจะรู้ดีที่สุดว่าจะมีการฮุบหรือไม่ฮุบ ซึ่งที่ดิน 120 ไร่ เป็นของครอบครัวนี้ 80 ไร่ มูลค่าไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท เราพยายามแก้ปัญหาไม่ให้เกิดความรุนแรง ยืนยันว่าไม่ได้กระทำตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด และวันนั้นไม่มีชายชุดดำไปลงพื้นที่กับเรา
“เจ้าของบ้านมีกล้องวงจรปิด ถ้าผมทำจริงเอาเด็กไปขังลักพาตัวเด็ก แตะเนื้อต้องตัวลุง ให้เอาวิดีโอมาแสดง เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีตั้งแต่ปี 62 คงคิดเป็นอื่นไม่ได้ที่เอาเรื่องนี้มาใช้เวลานี้ เพราะใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะถูกซักฟอกใช่หรือไม่ เพราะการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายที่ฝ่ายรัฐบาลกังวลใจจริงๆ กังวลว่าจะอยู่ต่อไม่ได้ ต้องใช้วิธีการแบบนี้ดิสเครดิตทางการเมืองผม ทำลายการอภิปรายของพรรคก้าวไกล และฝ่ายค้าน ซึ่งผมรู้สึกผิดหวังว่าคนที่ยืนข้างนายสิระ คือนายชัยยันต์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าทำไมมาทำลายการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เราร่วมแรงร่วมใจกันในครั้งนี้” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวด้วยว่า ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เพราะตอนนั้นยังไม่มี กมธ. และตนเป็น ส.ส.สมัยแรกที่เพิ่งทำงานได้เพียงแค่ 6 เดือน และ 2 ปีที่ผ่านมาสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีผลประโยชน์กับเกาะนี้ จึงขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร นอกจากหวังผลเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอาจจะมีขบวนการฮุบที่ดินนี้หรือไม่ เราต้องช่วยกันหยุดไม่ให้มีขบวนการฮุบเกาะดังกล่าวเป็นเกาะส่วนตัวจนชาวบ้านใช้ประโยชน์ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนจะไปยื่นแจ้งความดำเนินคดีต่อนายสิระ และนายชัยยันต์ ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะละเมิดทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ เพราะหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตามปกติตนรับได้ แต่เมื่อเป็นการใส่ร้ายป้ายสีข้อหารุนแรงตนจะไม่ยอมเพราะรับไม่ได้