ผู้จัดการรายวัน360-ฝ่ายค้าน ขอเวลาซักฟอก 6 วัน ย้ำแตะประเด็นสถาบันฯแน่ แต่เอาเท่าที่จำเป็น ขู่มี 5 รมต.ที่จะถูกยื่นถอดถอนหลังอภิปราย ด้าน พปชร. ถกรับมือ "อนุชา" เผยฝ่ายค้านยังไม่มีประเด็นรุนแรง แค่จ้องดิสเครดิตรัฐบาล เสนอ ส.ส.ตั้งทีมสู้ "สิระ"ลั่นอย่าคิดใช้เวทีสภาบังหน้า หวังโจมตีสถาบันฯ เจอประท้วงแน่ "เสี่ยเฮ้ง" ชี้ข้อหาไร้น้ำหนัก น็อกรัฐบาลไม่ได้ เพราะไม่มีเรื่องโกง เชื่อ "บิ๊กป้อม" ตอบได้ทุกเรื่อง "วิปรัฐบาล"ห้ามฝ่ายค้านนำสถาบันฯ โยงอภิปราย โชว์ปึ้ก 270 เสียงข่มขวัญ "นายกฯ"สั่งครม.เตรียมพร้อมข้อมูลโควิด สู้ศึกซักฟอก ชี้ข้อมูลฝ่ายค้าน มีแต่เรื่องเดิมๆ ด้าน"พุทธิพงษ์"รายงานยังไม่ลงตัว เคาะวันลงมติ
วานนี้ (26ม.ค.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หลังจากยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ฝ่ายค้านได้ข้อสรุปว่าเมื่อจำนวนผู้อภิปรายเพิ่มขึ้น จากคราวที่แล้วประมาณ 80 % คราวที่แล้วอภิปราย 3 วัน ลงมติ 1วัน คราวนี้จะต้องเป็น 5 บวก 1 หรือ 6 บวก 1 อย่างต่ำสุดก็น่าจะเป็น 5 บวก 1 ถึงจะทำงานได้ครบ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยอีกครั้ง หลังจากที่ประธานสภาฯ บรรจุวาระแล้ว
เมื่อถามว่าในญัตติมีข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลนำสถาบันฯ มาสร้างความขัดแย้ง นายสุทิน กล่าวว่า เราก็คิดกันอยู่ ทุกคนก็ตระหนักว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว และต้องพูดถึงเท่าที่จำเป็น จะไม่พูดเลยไม่ได้ เพราะเป็นความเสียหายอยู่จริง
"ถ้ารัฐบาลทำความเสียหายให้กับสถาบันฯ แล้วจะเป็นเรื่องใหญ่มาก จะกระทบอะไรอีกมาก ถ้าเราไม่กระตุ้นเตือน หรือต้องคาดโทษกัน เกรงว่าเรื่องอย่างนี้จะกลายเป็นการชินชาที่จะปฏิบัติ และเชื่อว่า จะถูกประท้วงมาก ถ้าประท้วงไม่ดี ก็จะกลายเป็นว่าตัวเองทำผิดเสียเอง ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องใช้วุฒิภาวะขั้นสูง ระมัดระวังที่สุด อย่างไรก็ตาม เรื่องสถาบันฯ สามารถนำมาอภิปรายได้ แต่อยู่ที่ความเหมาะสม"
ทั้งนี้ หลังการอภิปราย จะไปยื่นถอดถอนรัฐมนตรี ต่อศาลรธน.ด้วย ถ้ามีการทุจริต พบการกระทำผิด เรื่องไหนที่ต้องทำให้จบ ครบถ้วนกระบวนการ ก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกครหาว่าฝ่ายค้านทำไม่สุด ดังนั้น การดำเนินการกับผู้กระทบผิดก็ต้องทำทั้งในสภาฯ และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจากหลักฐานแล้ว มีรัฐมนตรีที่ต้องไปยื่นศาลรธน. ไม่น้อยกว่า 5 คน
พปชร.ถกรับมือศึกซักฟอก
บ่ายวันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยก่อนประชุม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรค ได้แจ้งที่ประชุมว่า ในการประชุมครม.เมื่อช่วงเช้า นายกฯ ไม่ได้เป็นห่วงหรือกังวลอะไร และตนในฐานะที่ผ่านการเมืองมานาน ในการจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ก่อนหน้านั้นต้องมีประเด็นทางสังคมที่รุนแรง การอภิปรายจึงจะเข้มข้น ดุเดือด แต่ครั้งนี้ก็คงเหมือนที่ผ่านมา ยื่นญัตติตามกำหนดวาระ แต่เป็นการดิสเครดิตรัฐบาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การอภิปรายครั้งนี้ เป็นการยื่นญัตติค่อนข้างจะทั่วไป ไม่มีญัตติอะไรที่เป็นข้อหารุนแรง
อภิปรายสถาบันฯเจอประท้วงแน่
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์การอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีต จนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีการเอาเรื่องสถาบันฯ มายื่นญัตติแบบนี้ ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคน ผ่านการอภิปรายมาหลายครั้ง แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงไม่มีวุฒิภาวะที่จะพิจารณาว่า การดึงสถาบันฯ มาเกี่ยวข้องเช่นนี้ มีความเหมาะสมและควรกระทำหรือไม่ แต่หากฝ่ายค้านยังคงยืนยันในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสถาบันฯ ฝ่ายค้านจะเจอการประท้วงจนไม่ได้อภิปรายเลยทั้ง 4 วัน เพราะฉะนั้น บรรดา หัวหงอก หัวดำ ของพรรคฝ่ายค้านที่ยังพอมีสติ ช่วยคิดกันให้ดี ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาพูดกันนั้น สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศหรือไม่ หรือเพราะมีเจตนาแอบแฝงจึงใช้เวทีสภามาบังหน้าเพื่อหวังโจมตีสถาบันฯ
"เสี่ยเฮ้ง"ชี้ข้อหาฝ่ายค้านไร้น้ำหนัก
ส่วนที่ระบุว่า ยุยงและไม่ยอมรับความเห็นต่างนั้น เขาอาจจะมองว่าตนมาจากจ.ชลบุรี ซึ่งมีประชาชนเสื้อเหลืองออกมารวมตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติทางประชาธิปไตยของคนที่มีความรักชาติบ้านเมือง โดยเป็นไปตามรธน. เราสามารถชี้แจงเพื่อหักล้างได้อยู่แล้ว ซึ่งตนมองว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีน้ำหนัก
ส่วนที่ฝ่ายค้านมีความมั่นใจว่าจะน็อกรัฐบาลได้นั้น ถ้ารัฐบาลไม่มีเรื่องทุจริตจะน็อกได้อย่างไร แต่รัฐบาลไม่ได้ทุจริต ทำเพื่อชาติบ้านเมืองกันทุกคน ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ได้เตรียมแผนดูแล และปกป้องพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพราะเป็นเป้าที่ฝ่ายค้านมุ่งโจมตี นายสุชาติ กล่าวว่า เท่าที่ดูข้อกล่าวหาแล้ว ไม่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง เชื่อว่าพล.อ.ประวิตร ตอบได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วง ตนไม่ได้มีอะไร ที่เขากล่าวหาเป็นผู้มีบารมี จะให้ผมทำอย่างไร ก็ไม่รู้ ต้องไปถามเขาดู ว่ามันจริงหรือไม่
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามพล.อ.ประวิตร ว่าวันนี้สดใส ร่างกายแข็งแรงดี ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ขายังเดินไม่ค่อยจะได้เลย จะเป็นผู้มีอิทธิพลได้อย่างไร"
"วิปรัฐบาล"ห้ามฝ่ายค้านนำสถาบันฯ โยงอภิปราย
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แถลงว่า ตนไม่สบายใจต่อญัตติ ในเรื่องการใช้ถ้อยคำขอเปิดอภิปราย ในส่วนของการใช้คำว่า "โดยพฤติการณ์" เรื่องที่จะอภิปราย ดังนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ” ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ต้องการให้ร้ายด้วยความดุเดือด อย่างไตเติ้ลหนัง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่บังควร คือ การนำสถาบันฯ มาเขียนในญัตติ
นายวิรัช กล่าวว่า ได้ถามผู้รู้กฎหมาย และเห็นว่าถ้าไม่นำไปแก้ไข จะเป็นปัญหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงต้องการให้ฝ่ายค้านแก้ไขและ นำส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันฯ ออกไปทั้งหมด “โดยเฉพาะที่กำหนดว่า นำสถาบันฯ เป็นข้ออ้างในการแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันฯ มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน... ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน”ซึ่งทางวิปรัฐบาลได้ประสานไปทางประธานสภาฯ แล้ว และญัตตินี้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเชื่อว่าพรรครัฐบาล จะไม่ยอมให้มีการอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯ
สำหรับกรอบการอภิปราย พรรคร่วมรัฐบาลยอมจัดสรรเวลาให้ตามกรอบเดียวกับปี 63 ที่ผ่านมาคือ รวม 52 ชม. โดยแบ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 26 ชม. ฝ่ายรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล 24 ชม. ขณะที่ประธาน และรองประธานสภาฯ ในที่ประชุม 2 ชม. ทั้งนี้ ทางวิปรัฐบาลจะคุยกับฝ่ายค้านอีกครั้ง หลังจากครม. ตอบรับกรอบวัน ความพร้อมในการชี้แจงต่อสภาฯ เบื้องต้นกำหนดวันที่ 16-19 ก.พ. และ ลงมติวันที่ 20 ก.พ.
เท่าที่อ่านญัตติ เป็นวาทกรรม ข้อกล่าวหาที่รุนแรง และหากบอกว่ามีใบเสร็จ ก็เอาออกมาเลย ทั้งนี้ ก็ต้องดูแลรัฐมนตรีหมดทั้ง 10 คน ส่วนรัฐมนตรี 6 คน ของพรรค ก็จะช่วยดูในเรื่องการเตรียมข้อมูล
สำหรับจำนวน ส.ส.ในสภาฯ ตอนนี้มีอยู่ 487 คน ครึ่งหนึ่ง 244 ยืนยันเสียง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล มีพร้อมครบลงมติไม่น้อยกว่า 270 เสียง แต่การลงคะแนน ก็ขึ้นอยู่ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันประชุมด้วย
นายกฯสั่งครม.เตรียมพร้อมข้อมูลโควิด สู้ศึกซักฟอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)ในฐานะวิปรัฐบาลได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าจะมีขึ้นในวันที่ 16-19 ก.พ.นี้ โดยรัฐบาลขอให้การอภิปรายเสร็จสิ้นและลงมติในวันที่ 18 ก.พ. แต่ฝ่ายค้านอยากให้มีการลงมติใน วันที่ 19 ก.พ.นี้ การตกลงเรื่องเวลาจึงยังไม่ได้ข้อยุติ
โดยนายกฯ กล่าวว่า ขอให้เตรียมข้อมูลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เพื่อเตรียมชี้แจงต่อสภาฯ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนโควิด-19 ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูล
จากนั้นเมื่อเข้าสู่วาระเรื่องวัคซีนโควิด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกน และรมว.สาธารณสุข เปิดวีดิทัศน์ ชี้แจงขั้นตอนการจัดซื้อและจัดหาวัคซีน โดยนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ขอให้นำไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ และนำไปเปิดในที่ประชุมสภาฯ ให้รับทราบด้วย
วานนี้ (26ม.ค.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หลังจากยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ฝ่ายค้านได้ข้อสรุปว่าเมื่อจำนวนผู้อภิปรายเพิ่มขึ้น จากคราวที่แล้วประมาณ 80 % คราวที่แล้วอภิปราย 3 วัน ลงมติ 1วัน คราวนี้จะต้องเป็น 5 บวก 1 หรือ 6 บวก 1 อย่างต่ำสุดก็น่าจะเป็น 5 บวก 1 ถึงจะทำงานได้ครบ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยอีกครั้ง หลังจากที่ประธานสภาฯ บรรจุวาระแล้ว
เมื่อถามว่าในญัตติมีข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลนำสถาบันฯ มาสร้างความขัดแย้ง นายสุทิน กล่าวว่า เราก็คิดกันอยู่ ทุกคนก็ตระหนักว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว และต้องพูดถึงเท่าที่จำเป็น จะไม่พูดเลยไม่ได้ เพราะเป็นความเสียหายอยู่จริง
"ถ้ารัฐบาลทำความเสียหายให้กับสถาบันฯ แล้วจะเป็นเรื่องใหญ่มาก จะกระทบอะไรอีกมาก ถ้าเราไม่กระตุ้นเตือน หรือต้องคาดโทษกัน เกรงว่าเรื่องอย่างนี้จะกลายเป็นการชินชาที่จะปฏิบัติ และเชื่อว่า จะถูกประท้วงมาก ถ้าประท้วงไม่ดี ก็จะกลายเป็นว่าตัวเองทำผิดเสียเอง ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องใช้วุฒิภาวะขั้นสูง ระมัดระวังที่สุด อย่างไรก็ตาม เรื่องสถาบันฯ สามารถนำมาอภิปรายได้ แต่อยู่ที่ความเหมาะสม"
ทั้งนี้ หลังการอภิปราย จะไปยื่นถอดถอนรัฐมนตรี ต่อศาลรธน.ด้วย ถ้ามีการทุจริต พบการกระทำผิด เรื่องไหนที่ต้องทำให้จบ ครบถ้วนกระบวนการ ก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกครหาว่าฝ่ายค้านทำไม่สุด ดังนั้น การดำเนินการกับผู้กระทบผิดก็ต้องทำทั้งในสภาฯ และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจากหลักฐานแล้ว มีรัฐมนตรีที่ต้องไปยื่นศาลรธน. ไม่น้อยกว่า 5 คน
พปชร.ถกรับมือศึกซักฟอก
บ่ายวันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยก่อนประชุม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรค ได้แจ้งที่ประชุมว่า ในการประชุมครม.เมื่อช่วงเช้า นายกฯ ไม่ได้เป็นห่วงหรือกังวลอะไร และตนในฐานะที่ผ่านการเมืองมานาน ในการจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ก่อนหน้านั้นต้องมีประเด็นทางสังคมที่รุนแรง การอภิปรายจึงจะเข้มข้น ดุเดือด แต่ครั้งนี้ก็คงเหมือนที่ผ่านมา ยื่นญัตติตามกำหนดวาระ แต่เป็นการดิสเครดิตรัฐบาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การอภิปรายครั้งนี้ เป็นการยื่นญัตติค่อนข้างจะทั่วไป ไม่มีญัตติอะไรที่เป็นข้อหารุนแรง
อภิปรายสถาบันฯเจอประท้วงแน่
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์การอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีต จนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีการเอาเรื่องสถาบันฯ มายื่นญัตติแบบนี้ ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคน ผ่านการอภิปรายมาหลายครั้ง แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงไม่มีวุฒิภาวะที่จะพิจารณาว่า การดึงสถาบันฯ มาเกี่ยวข้องเช่นนี้ มีความเหมาะสมและควรกระทำหรือไม่ แต่หากฝ่ายค้านยังคงยืนยันในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสถาบันฯ ฝ่ายค้านจะเจอการประท้วงจนไม่ได้อภิปรายเลยทั้ง 4 วัน เพราะฉะนั้น บรรดา หัวหงอก หัวดำ ของพรรคฝ่ายค้านที่ยังพอมีสติ ช่วยคิดกันให้ดี ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาพูดกันนั้น สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศหรือไม่ หรือเพราะมีเจตนาแอบแฝงจึงใช้เวทีสภามาบังหน้าเพื่อหวังโจมตีสถาบันฯ
"เสี่ยเฮ้ง"ชี้ข้อหาฝ่ายค้านไร้น้ำหนัก
ส่วนที่ระบุว่า ยุยงและไม่ยอมรับความเห็นต่างนั้น เขาอาจจะมองว่าตนมาจากจ.ชลบุรี ซึ่งมีประชาชนเสื้อเหลืองออกมารวมตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติทางประชาธิปไตยของคนที่มีความรักชาติบ้านเมือง โดยเป็นไปตามรธน. เราสามารถชี้แจงเพื่อหักล้างได้อยู่แล้ว ซึ่งตนมองว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีน้ำหนัก
ส่วนที่ฝ่ายค้านมีความมั่นใจว่าจะน็อกรัฐบาลได้นั้น ถ้ารัฐบาลไม่มีเรื่องทุจริตจะน็อกได้อย่างไร แต่รัฐบาลไม่ได้ทุจริต ทำเพื่อชาติบ้านเมืองกันทุกคน ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ได้เตรียมแผนดูแล และปกป้องพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพราะเป็นเป้าที่ฝ่ายค้านมุ่งโจมตี นายสุชาติ กล่าวว่า เท่าที่ดูข้อกล่าวหาแล้ว ไม่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง เชื่อว่าพล.อ.ประวิตร ตอบได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วง ตนไม่ได้มีอะไร ที่เขากล่าวหาเป็นผู้มีบารมี จะให้ผมทำอย่างไร ก็ไม่รู้ ต้องไปถามเขาดู ว่ามันจริงหรือไม่
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามพล.อ.ประวิตร ว่าวันนี้สดใส ร่างกายแข็งแรงดี ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ขายังเดินไม่ค่อยจะได้เลย จะเป็นผู้มีอิทธิพลได้อย่างไร"
"วิปรัฐบาล"ห้ามฝ่ายค้านนำสถาบันฯ โยงอภิปราย
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แถลงว่า ตนไม่สบายใจต่อญัตติ ในเรื่องการใช้ถ้อยคำขอเปิดอภิปราย ในส่วนของการใช้คำว่า "โดยพฤติการณ์" เรื่องที่จะอภิปราย ดังนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ” ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ต้องการให้ร้ายด้วยความดุเดือด อย่างไตเติ้ลหนัง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่บังควร คือ การนำสถาบันฯ มาเขียนในญัตติ
นายวิรัช กล่าวว่า ได้ถามผู้รู้กฎหมาย และเห็นว่าถ้าไม่นำไปแก้ไข จะเป็นปัญหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงต้องการให้ฝ่ายค้านแก้ไขและ นำส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันฯ ออกไปทั้งหมด “โดยเฉพาะที่กำหนดว่า นำสถาบันฯ เป็นข้ออ้างในการแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันฯ มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน... ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน”ซึ่งทางวิปรัฐบาลได้ประสานไปทางประธานสภาฯ แล้ว และญัตตินี้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเชื่อว่าพรรครัฐบาล จะไม่ยอมให้มีการอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯ
สำหรับกรอบการอภิปราย พรรคร่วมรัฐบาลยอมจัดสรรเวลาให้ตามกรอบเดียวกับปี 63 ที่ผ่านมาคือ รวม 52 ชม. โดยแบ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 26 ชม. ฝ่ายรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล 24 ชม. ขณะที่ประธาน และรองประธานสภาฯ ในที่ประชุม 2 ชม. ทั้งนี้ ทางวิปรัฐบาลจะคุยกับฝ่ายค้านอีกครั้ง หลังจากครม. ตอบรับกรอบวัน ความพร้อมในการชี้แจงต่อสภาฯ เบื้องต้นกำหนดวันที่ 16-19 ก.พ. และ ลงมติวันที่ 20 ก.พ.
เท่าที่อ่านญัตติ เป็นวาทกรรม ข้อกล่าวหาที่รุนแรง และหากบอกว่ามีใบเสร็จ ก็เอาออกมาเลย ทั้งนี้ ก็ต้องดูแลรัฐมนตรีหมดทั้ง 10 คน ส่วนรัฐมนตรี 6 คน ของพรรค ก็จะช่วยดูในเรื่องการเตรียมข้อมูล
สำหรับจำนวน ส.ส.ในสภาฯ ตอนนี้มีอยู่ 487 คน ครึ่งหนึ่ง 244 ยืนยันเสียง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล มีพร้อมครบลงมติไม่น้อยกว่า 270 เสียง แต่การลงคะแนน ก็ขึ้นอยู่ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันประชุมด้วย
นายกฯสั่งครม.เตรียมพร้อมข้อมูลโควิด สู้ศึกซักฟอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)ในฐานะวิปรัฐบาลได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าจะมีขึ้นในวันที่ 16-19 ก.พ.นี้ โดยรัฐบาลขอให้การอภิปรายเสร็จสิ้นและลงมติในวันที่ 18 ก.พ. แต่ฝ่ายค้านอยากให้มีการลงมติใน วันที่ 19 ก.พ.นี้ การตกลงเรื่องเวลาจึงยังไม่ได้ข้อยุติ
โดยนายกฯ กล่าวว่า ขอให้เตรียมข้อมูลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เพื่อเตรียมชี้แจงต่อสภาฯ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนโควิด-19 ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูล
จากนั้นเมื่อเข้าสู่วาระเรื่องวัคซีนโควิด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกน และรมว.สาธารณสุข เปิดวีดิทัศน์ ชี้แจงขั้นตอนการจัดซื้อและจัดหาวัคซีน โดยนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ขอให้นำไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ และนำไปเปิดในที่ประชุมสภาฯ ให้รับทราบด้วย