จากกรณีที่บางสำนักข่าวให้ข้อมูลแก่สาธารณชน โดยระบุว่า ไทยตกขบวนวัคซีนโควิด-19 จากโครงการ Covax ขณะที่ประเทศเพื่อนในอาเซียนได้รับวัคซีนจากโครงการนี้กันหมดนั้น
ล่าสุด นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเด็นแรกคือ หลายคนเชื่อว่าทุกชาติในอาเซียนยกเว้นไทย ได้รับวัคซีนจากโครงการนี้ไปแล้ว แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมานั้น ระบุเพียงแผนว่า จะให้ในเดือนมิถุนายน 2564 แต่ไม่ได้บอกว่า ทุกชาติได้ไปแล้ว ตรงนี้ต้องเข้าใจร่วมกันก่อน เป็นประเด็นแรก และที่สำคัญ ไทยไม่ได้ตกขบวน แต่ไทยเลือกลงมาจากขบวนเอง เพราะการซื้อวัคซีนจากโครงการข้างต้น มีบางเรื่องที่ทำให้ไทยตัดสินใจลำบาก
อย่างแรก ตัดเรื่องไทยจะได้ฟรีออกไปก่อน เพราะรายได้ของไทย อยู่ในระดับปานกลาง ไม่เข้าข่ายการรับความช่วยเหลือ
การเข้าร่วม Covax ไทยต้องใช้เงินแน่นอน กรณีจองวัคซีนที่ไม่รู้แหล่งที่มา ต้องเสียค่าธรรมเนียม 1.6 Usd/Dose แต่ถ้าจะจองแบบ เลือกผู้ผลิต ก็ต้องเสียค่าจอง 3.5 USD/Dose ประเด็นคือ ราคานี้จะสูงขึ้นได้อีก ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ อุปทาน ณ ขณะนั้น
ต่อมา หากตัดสินใจทำสัญญาจองแบบเลือกผู้ผลิต เราก็ต้องเลือกในสิ่งที่ Covax เลือกมาให้ก่อน เท่ากับเราไม่มีอิสระในการตัดสินใจมากนัก
ข้อมูลทั้งหมดสถาบันวัคซีนเคยอธิบายแล้ว และเท่านี้ก็รู้แล้วว่า ไทยควรจะไปหารือโดยตรงกับทีมผู้ผลิตมากกว่า ที่จะต้องมาจัดหาผ่านคนกลาง และที่สุด ด้วยการหารือโดยตรง ไทยก็กำลังจะได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 เริ่มดำเนินการได้ภายในกลางปี 2564 แบบนี้ ดีกว่ามิใช่หรือ
ขอย้ำว่า เรื่องวัคซีนโควิด-19 ถึงตลาดจะยังเป็นของผู้ขาย เพราะอุปทานมีน้อยกว่าอุปสงค์มหาศาล แต่ไทย ประเทศที่มีหมอเก่งที่สุด มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุด ก็เป็นผู้ซื้อที่ฉลาดพอในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดให้คนไทย ขอให้ประชาชนมั่นใจ
“ทั้งนี้ ไทยไม่ปฏิเสธเข้าร่วมโครงการ Covax แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการหารือ เพื่อให้ได้เงื่อนไขการจัดหาวัคซีนที่เหมาะสม”