xs
xsm
sm
md
lg

"ธนาธร"โหนการเมืองพม่า ทำเด็กติดคุกเพิ่มอีก !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา



  ก็น่าเห็นใจสำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้ากลุ่ม“ก้าวหน้า”ที่กำลังตกเป็นผู้ต้องหาหลายคดี และกำลังอยู่ในช่วง“ขาลง” เสื่อมความนิยมลงไปเรื่อยๆ จากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เรียกว่าความเสื่อม“เกิดจากตัวเอง”ไม่ได้มีใครทำ เพราะเมื่อยิ่งนานก็ยิ่งเผยให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล ทั้งตัวเองและคนในครอบครัวออกมาให้เห็นเรื่อยๆ และเป็นกลุ่มทุนที่เริ่มถูกจับตาว่าชักจะใกล้เคียงคำว่า“ทุนสามานย์”เข้าไปทุกทีแล้ว

แต่ขณะเดียวกันเขาและทีมงานยังมีความพยายามเคลื่อนไหวในแบบเชิดชูสิทธิ เสรีภาพ ทนไม่ได้กับเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน และความฉ้อฉล และล่าสุดยังเลยเถิดไปไกลข้ามแดนไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “เมียนมา”แล้ว หลังเกิดเหตุกองทัพก่อการรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในหลักการประชาธิปไตยการรัฐประหารโดยการใช้กำลังเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และไม่ควรสนับสนุน แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีกลุ่ม“สามนิ้ว”ไปชุมนุมประท้วง ถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถ“อ่านเกม”ได้ไม่ยาก เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องซับซ้อนจนเข้าใจยากแต่อย่างใด

เหตุการณ์ชุมนุมของ“กลุ่มสามนิ้ว”ที่เป็นเครือข่ายของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ระดมกันมาประท้วงที่หน้าสถานทูต ที่แม้ว่าหน้าฉาก จะบอกว่าต้องการต่อต้านประณามการรัฐประหารของกองทัพเมียนมาก็ตาม แต่เป้าหมายที่ต้องการกระทบชิ่งก็คือ การรัฐประหารในไทย และการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าหากอ้างถึง“ความชอบธรรม”และกล่าวหาอีกฝ่ายว่าไม่ชอบธรรม ก็ต้องถือว่าเลยขั้นตอน เลยเวลาไปไกลแล้ว เพราะหากย้อนกลับไปพิจารณากันเฉพาะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกันในสภาเวลานั้น หากจำกันได้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกเสนอชื่อ (เชิด) เข้ามาแข่งขันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูป โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงของส.ว. “ร่างทรงหุ่นเชิด”250 คนอะไรนั่น แต่อย่างใด

และที่สำคัญการอ้างความชอบธรรม หรือด่าว่าอีกฝ่ายเป็น“เผด็จการ”ก็ย่อมไม่ถูกต้อง เพราะในเมื่อตัวเองยอมลงแข่งขัน ก็ย่อมถือว่า “ยอมรับกติกา”ไปแล้ว เหมือนกับก่อนหน้านั้น ได้ลงสนามเลือกตั้งตามกติกา และพรรคของตัวเอง(พรรคอนาคตใหม่)ได้ประโยชน์จากจำนวน ส.ส.มากกว่าพรรคใดเสียอีก

วกมาที่การชุมนุมหน้าสถานทูตพม่า เมื่อวันก่อนก็พยายามแสดงให้เห็นว่าเป็น“นักประชาธิปไตย”ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ต้องการรักษา “เอกลักษณ์”ประจำตัวแบบนี้ออกมา แต่เจตนาข้างในนั้น อีกอย่างหรือเปล่า เพราะหน้าฉากต้องการ“โหน”สถานการณ์การเมืองในเมียนมา เพื่อมา “หลอกด่า”รัฐบาล หลอกด่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำก่อรัฐประหาร รวมไปถึงการกดดันให้พล.อ.ประยุทธ์ แสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ในเมียนมา ทั้งที่หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ไม่มีผู้นำหรือรัฐบาลประเทศไหน ออกแถลงการณ์ประณามแต่อย่างใด โดยส่วนใหญ่ยึดหลักการของอาเซียนมาช้านาน ว่า “ไมแทรกแซงกิจการภายใน”ของประเทศอื่น

แม้ว่ากรณีนี้ยังเป็นเรื่องถกเถียงกันมาหลายยุคสมัยแล้วว่าถูกต้องกับหลักการแบบนี้หรือไม่ก็ตาม แต่หากโฟกัสเฉพาะเหตุการณ์ที่หน้าสถานทูตเมียนมา ยังถือว่า“ไม่ได้อารมณ์ร่วม”แต่อย่างใด มีอย่างเดียวก็คือ“มีเด็กๆ ต้องมาติดคุกเพิ่มขึ้น”อีกหลายคน จากการชุมนุมดังกล่าว

ในวันชุมนุมของ“ม็อบสามนิ้ว”ก็ได้เห็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปปรากฏตัว หากตัดมุมมองในเรื่องอื่นออกไปจากหัวสมองแล้ว สิ่งที่ทำให้คิดออกมาทันทีก็คือ ไม่ต่างจากไป“บัญชาการณ์เหตุการณ์”ไม่มีผิด และที่น่าสังเกตก็คือ หลังจากนั้นก็เกิดความวุ่นวาย มีการขว้างปาโจมตี (ไม่ใช่ลักษณะการปะทะ) เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการปาประทัดยักษ์ เข้าใส่หลายลูก จนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บไปสิบกว่าราย และกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นพวกการ์ดถูกจับกุมในที่เกิดเหตุในเบื้องต้นไป 3 คน และยังเหลือที่ต้องตามจับอีกจำนวนหนึ่ง


คำถามก็คือ มีความจำเป็นแค่ไหนที่การชุมนุมครั้งนี้จะต้องทำให้เกิดความรุนแรง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับกุมตามมา หากจะบอกว่าไปแค่ประท้วงเพื่อแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ แล้วก็แยกย้ายกันกลับก็น่าจะโอเคแล้ว แต่นี่เหมือนกับเจตนาไปป่วน เพื่อหวังกระทบชิ่งไปถึงรัฐบาลไทย แต่กลับแลกมาด้วยอนาคตของเยาวชนอีกสองสามราย ที่ต้องดับวูบลงไปทันที

เพราะผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมได้ในเบื้องต้น จำนวน 3 คน ในครั้งนี้ เท่าที่ทราบเป็นเยาวชน อายุ 19 ปี อีกคนอายุ 20 ปี ซึ่งตอนนี้มีความผิดทางอาญา ฐานมั่วสุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย ใช้อาวุธ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นต้น และขออำนาจศาลฝากขัง 12 วัน และนี่ก็คือตัวอย่างที่เห็น เพราะพิจารณาตามเส้นทางแล้วถือว่าเด็กพวกนี้ต้องมีคดีติดตัว เสี่ยงคุกตะรางแน่นอน

คำถามก็คือ มันจำเป็นนักหรือสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น !!


กำลังโหลดความคิดเห็น