“แรมโบ้” ซัด “ก้าวไกล” อ้างเป็นประชาธิปไตยแต่หัวใจคือเผด็จการ ถ้ามีมติขับไล่ 2 ส.ส.ออกจากพรรค ยกย่อง 2 ส.ส.ที่ยอมขัดมติพรรคไม่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112
วันนี้ (1 ก.พ.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความ “จุดยืนของพรรคคือต้องแก้ไขมาตรา 112 และได้เวลาคัดกรองคนที่ไม่ใช่ โดยนายสุภรณ์ขอแสดงความชื่นชมกับ 2 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง และเห็นว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำ โดยไม่ได้ทำตามมติหัวหน้าหรือมติพรรคเพียงอย่างเดียว”
ขณะเดียวกัน ตนเองก็มองว่าพรรคก้าวไกลควรเปิดใจให้กว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วยเช่นกัน และควรที่จะเอาเวลาไปคิดถึงเรื่องปากท้องของประชาชน เอาเวลาไปลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ลำบากและต้องการความช่วยจาก ส.ส.ในพื้นที่ที่ตนเองเลือกเข้ามา ไม่ใช่แต่จะมาคิดแต่เรื่องแก้ไขมาตรา 112 จนทำให้ประชาชนคิดได้ว่าพรรคการเมืองนี้วันๆ คิดแต่จะกระทำการก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันฯ ทำร้ายสถาบันฯ เพียงอย่างเดียว
“หากพรรคก้าวไกลคิดที่จะขับ 2 ส.ส.ที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 มองว่านี่คือเผด็จการในพรรคการเมืองที่อ้างตนเป็นพรรคประชาธิปไตย แต่หัวใจคือเผด็จการ แต่อาจจะเป็นเรื่องโชคดีของ ส.ส.ทั้ง 2 คนที่จะได้ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนโดยแท้จริง และยังมีอนาคตทางการเมืองอีกไกล ซึ่งหากยังอยู่พรรคก้าวไกลก็ไม่มั่นใจว่าจะมีประชาชนเลือกพรรคการเมืองนี้อีกหรือไม่ เพราะเห็นตัวอย่างจากเครือข่ายของพรรคก้าวไกล คือ คณะก้าวหน้า โดยการนำของนายธนาธร และนายปิยบุตร ที่ไปลงพื้นที่หาเสียง อบจ.จังหวัดใดก็โดนโห่ไล่ทุกที่ จนแพ้การเลือกตั้งอย่างราบคาบทุกจังหวัด หน้าแตกยับเยินจนเย็บไม่ติด ขอชื่นชม ส.ส.ทั้ง 2 คนที่มีจุดยืนในการปกป้องสถาบันฯ และรักษามาตรา 112 ให้คงอยู่ เพื่อมิให้ใครมาคิดร้ายหรือทำลายสถาบันฯ อีกต่อไป
การที่พรรคก้าวไกลอยากจะแก้ไขมาตรา 112 จนตัวสั่น ก็อาจเป็นเพราะว่าอยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว โดยมีหัวหน้าทีมหลัก คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำพรรคก้าวหน้า สั่งการให้มีการเคลื่อนไหวจ้าบจ้วงสถาบันฯ แบบไม่เกรงใจ ถ้ามีการแก้ไขมาตรา 112 ได้ คนพวกนี้จะก้าวร้าวหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า จะทำการบิดเบือนใส่ร้ายสถาบันฯ อย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจ โดยไม่อยากให้ตนเองและลูกสมุนของตนเองมีความผิดและถูกดำเนินคดีเข้าคุกเข้าตะราง เพราะมีเป้าหมายต้องการล้มล้างสถาบันฯ เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประธานาธิบดี นี่คือแนวความคิดที่เป็นกบฏชัดเจน มั่นใจ ส.ส.-ส.ว.ส่วนใหญ่ในสภาที่มีหัวใจจงรักภักดีคงไม่มีทางยอมให้แก้กฎหมายมาตรา 112 อย่างแน่นอน และประชาชนคนไทยที่รักสถาบันฯ ปกป้องสถาบันฯ ก็ไม่ยอมเช่นกัน พร้อมพลีชีพเพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์ให้คงอยู่คู่ชาวไทยตลอดไป
ขณะเดียวกัน คนกลุ่มนี้ยังอยากให้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นรูปแบบประธานาธิบดี ที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกต่อไป เท่ากับว่าคนพวกนี้เนรคุณต่อบรรพบุรุษและบูรพกษัตริย์ที่ได้ปกปักรักษาสร้างบ้านเมือง หวงแหนแผ่นดินแลกด้วยชีวิตให้พวกเราได้อยู่อาศัยชั่วลูกชั่วหลานตราบจนทุกวันนี้ คนพวกนี้ไม่เคยมีจิตสำนึก เป็นคนอกตัญญูต่อแผ่นดินและบรรพบุรุษ เป็นพวกมารเนรคุณกลับชาติมาเกิด เสียชาติเกิดจริงๆ ไม่มีคุณต่อแผ่นดินและประเทศชาติเลยสักนิด”