xs
xsm
sm
md
lg

“ผศ.ดร.ปิติ” ชี้รัฐบาลพม่ากับกองทัพเสียสมดุลการพึ่งพา ย้อนประวัติศาสตร์มักเกิดรัฐประหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม รอง ผอ.ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาฯ วิเคราะห์กระแสรัฐประหารในเมียนมา หลังมีข่าว “อองซานซูจี” ถกควบคุมตัว ชี้รัฐบาลพม่ากับกองทัพกำลังอยู่ในภาวะเสียสมดุลการพึ่งพาระหว่างกันซึ่งในประวัติศาสตร์มักตามมาด้วยการยึดอำนาจ

กรณีการจับกุมนางอองซานซูจี เกิดขึ้นในช่วงที่กำลังเกิดความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับกองทัพเมียนมา จากข่าวแพร่สะพัดว่าอาจเกิดการรัฐประหารโดยกองทัพเพื่อล้มรัฐบาล อ้างข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนซึ่งพรรคของนางซูจีได้รับชัยชนะถล่มทลาย

วันนี้ (1 ก.พ.) รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม รองผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์สถานการณ์ในเมียนมาผ่านเฟซบุ๊กบัญชี “Piti Srisangnam” โดยระบุเนื้อหาว่า

“ว่าด้วยสถานการณ์ใน #เมียนมา

เราต้องเข้าใจ #สมการแห่งอำนาจในเมียนมา

เท่าที่ผมพอจะเข้าใจคือ เดิม NLD และกองทัพ ต่างก็ต้องหวังพึ่งซึ่งกันและกัน แต่ในระยะหลังกองทัพเองก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพมากนัก

ในอดีตกองทัพสนิทสนมกับจีน ว่าด้วยผลประโยชน์หลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงทรัพยากร แต่ในระยะหลังเมื่อเมียนมาเปิดประเทศ ต่างชาติกลุ่มใหม่เข้ามามากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์เรื่องชนกลุ่มน้อยโกก้างในรัฐฉานติดชายแดนจีน ทำให้หลายฝ่ายมองจีนเป็นภัยความมั่นคง

อีกด้านของพรมแดนทางตะวันตก ปัญหาเรื่องเบงกาลี-โรฮิงญา ที่ชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซงก็ทำให้ หลายๆ ฝ่ายในประเทศกังวล

กองทัพคบจีนก็น่ากังวล
รัฐบาลคบตะวันตกก็น่ากังวล
ดังนั้น กองทัพกับรัฐบาลที่เคยต้องพึ่งพากันเหมือนเครื่องหมายหยิน-หยาง ที่ต่างกัน ตรงกันข้ามกัน แต่ต้องอยู่ด้วยกัน ถ่วงดุลกัน จึงเสียสมดุล

ประกอบกับในกลุ่มกองทัพเอง ระหว่างกลุ่มอาวุโส กับกลุ่มรุ่นใหม่ ก็ดูจะไม่เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อก่อนอาจจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ภายหลังเองหลังจากที่กองทัพบางหน่วยได้รับการสนับสนุนจากอินเดีย (ซึ่งเป็นพันธมิตรสหรัฐฯ ในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และเป็นคู่กรณีกับจีน) โดยเฉพาะเรื่องเรือดำน้ำ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลเองก็ได้รับการสนับสนุนเรื่องวัคซีนโควิดจากอินเดีย

นั่นทำให้ดุลอำนาจ และการพึ่งพาระหว่างจีน ตะวันตก และผู้เล่นใหม่คือ อินเดียเสียสมดุล และสมดุลเดิมระหว่าง NLD และกองทัพ (ซึ่งมี USDP เป็นตัวแทน) ก็เสียสมดุล เพราะกองทัพ มีความแตกตัวออกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มนายทหารอาวุโส (สนิทจีน) กลุ่มทหารรุ่นใหม่ที่ยอมรับ NLD มากขึ้น กลุ่มทหารที่ต้องการคบคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่จีน

และจากประวัติศาสตร์เมื่อเสถียรภาพในกองทัพไม่มี การออกมาแสดงกำลังมักจะเกิดขึ้น เช่น หลัง 8888 ทหารฝ่ายเนวินถูกโค่นโดยฝ่ายตานฉ่วย

หรือในช่วงทศวรรษ 2000 ที่ตานฉ่วยก็โค่นตัวแทนของตนเองอย่างโซ่วิ่น-หม่องเอ แล้วแต่งตั้งเต็งเส่ง

และในอนาคตอันใกล้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มิน อ่อง ลาย ก็กำลังจะเกษียณอายุในเดือนกรกฎาคมนี้ ดังนั้น การที่จะต้องกระชับอำนาจ ถ้าจะต้องทำก็ต้องรีบทำตอนนี้”

ว่าด้วยสถานการณ์ใน #เมียนมา
.
เราต้องเข้าใจ #สมการแห่งอำนาจ ในเมียนมา
.
เท่าที่ผมพอจะเข้าใจคือ เดิม NLD...โพสต์โดย Piti Srisangnam เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2021



กำลังโหลดความคิดเห็น