ข่าวปนคน คนปนข่าว
** โถ “กาละแมร์” แถได้โล่ จบนิเทศฯ อยู่วงการสื่อมา 10 กว่าปี โดนมาแล้ว 8 คดี ไม่รู้หลักเกณฑ์โฆษณา ว่าด้วยความเคลื่อนไหวของ “กาละแมร์” พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรชื่อดังที่ถูกแจ้งคดี “โฆษณาเป็นเท็จ” หลอกลวงผู้บริโภคให้หลงเชื่อ โดยโอ้อวดสรรพคุณผลิตภัณฑ์อาหารเสริม บริษัท “เพาเวอร์ชอต” ของตัวเอง ด้วยการรีวิวสินค้าชนิดใช้ได้ผลครอบจักรวาล อาทิ ยกหน้ากระชับ, ทำให้จมูกเข้ารูป, ทำให้ตาสองชั้น, รักษาโควิด, รักษามะเร็ง ไปจนถึง โรคซึมเศร้า !
นอกจากจะถูก องค์การอาหารและยา (อย.) ฟันฉับ!! สั่งระงับโฆษณา หรือโปรโมตผลิตภัณฑ์ ตามมาด้วยส่งเรื่องดำเนินคดีให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. ซึ่งผัดผ่อนการเข้าพบตำรวจรับทราบข้อกล่าวหา แต่กลับไปโผล่ที่รัฐสภา เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร
ฟังวา ในการชี้แจงต่อ กมธ.สธ. “กาละแมร์” ยอมรับว่า ขาดความรอบคอบ ไม่ทราบการแก้ไขหลักเกณฑ์การโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของ อย. และ “ไม่ทราบมาก่อน” ว่า การนำความรู้สึกของผู้บริโภคมารีวิวต่อ ไม่สามารถทำได้
พลันที่โลกโซเชียลทราบคำตอบของพิธีกรสาวที่มีแนวทางชีวิตอยู่กับ “สุขสวยและรวยโคตร” ชาวเน็ตก็ไม่พลาดที่จะพากันกรูเข้ามาแสดงความเห็น กระหน่ำต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องก็ถูกวิจารณ์หนักถึงความไม่รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม แต่ “กาละแมร์” ก็ทำเหมือนไม่แคร์ โพสต์ตอบกลับว่า เพราะสินค้าของตัวเองให้ผลลัพธ์ที่เวอร์วังอลังการเกินไป และจะขอเดินหน้าด้วยโปรเจกต์ใหญ่ ขายของต่อไป โดยครั้งนี้ที่กาละแมร์ บอกว่า “ไม่รู้หลักเกณฑ์โฆษณา” ยิ่งรับไม่ได้ บางคนถึงกับบอกเลย แมร์ช่าง “แถได้โล่” จริงๆ
แถอย่างไร?? ก็ต้องบอกว่า “กาละแมร์” นั้น เรียนจบนิเทศศาสตร์ เข้าทำงานเป็นผู้สื่อข่าว ต่อด้วยผู้ดำเนินรายการอยู่กับช่อง 3 อยู่วงการสื่อมานานเป็นสิบๆ ปี แถมทำธุรกิจรีวิวขายสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ก็โดนคดีมาแล้วกว่า 8 คดี มีหรือจะไม่รู้ว่าหลักเกณฑ์โฆษณาของ อย. นั้นเป็นอย่างไร
ว่าไปแล้ว หลักเกณฑ์โฆษณา อย.นั่นเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการและคนทำธุรกิจ ยิ่งเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคยิ่งต้องระมัดระวัง ใช้สามัญสำนึกก็คิดได้ ยกเว้นว่าต้องเป็นคนใจมืดมัว คิดแต่จะ “รวยโคตร” ถ่ายเดียว จนไม่สนว่าที่อ้าง รักษาโควิด มะเร็ง โรคซึมเศร้า นั้นไม่ผิด เป็นการรีวิวตาม “ความรู้สึก” ...แบบนี้ก็ได้เหรอ !
เรื่องรีวิวสินค้าแบบเวอร์วัง ไม่ยอมรับผิด ถ้าเกิดกับนักรีวิวโนเนมก็คงประณามกันไม่กี่วันก็จบ แต่ “กาละแมร์” เป็นคนในวงการสื่อ เป็นพิธีกรดัง มีคนรู้จัก รีวิวอะไรออกไปที่เป็นเท็จ อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง มีคนเชื่อ มีคนถูกหลอกให้หลงเชื่อ สังคมย่อมเกิดความเสียหาย
เรียกว่า ชื่อเสียงของ “กาละแมร์” ช่วงนี้โด่งดังเป็นพิเศษ ตามมาด้วยกรณี “ดีเจมะตูม” เตชินท์ พลอยเพชร ที่ปาร์ตี้ วันเกิดจนกลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์โควิด ทำเอาวงการบันเทิง-คนดัง ถูกพูดถึงในทางลบต่อพฤติกรรมของทั้งสองกัน
งานนี้ เมื่อผีเน่าและโลงผุมาอยู่ด้วยกัน เมื่อดารานักแสดงรุ่นใหญ่ ผู้จัดละครคนดัง อย่าง “ตู่” นพพล โกมารชุน ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแบบลอยๆ ระบุว่า “อาหารแสลง เสาะท้อง และเป็นพิษ ไม่ควรบริโภค คือ มะตูม กับ กาละแม” จึงถูกอกถูกใจชาวโซเชียลฯ ยิ่งนัก มีคนเข้าไปกดไลก์ข้อความดังกล่าวนี้เป็นจำนวนมาก
รุ่นใหญ่พี่ตู่มาเองแบบนี้ ..ทั้ง มะตูม และ กาละแมร์ บอกเลยว่า คงเป็นพิษจริงๆ
** 2 ส.ส.ก้าวไกลประกาศ “สวนมติพรรค” ไม่ลงเซ็นชื่อ แก้ ม.112 เพราะรู้ว่านั่นเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองชัดๆ
วิจารณ์สนั่นลั่นทุ่ง ทั้งนอกโซเชียล ในโซเชียล กรณี “ส.ส.พรรคก้าวไกล” ที่ชูธงปฏิรูปสถาบันฯ แต่กลับลงชื่อ กรอกแบบฟอร์มขอรับพระราชทานเครื่องราชฯ บางคนถึงกับขอให้ภรรยาด้วย...หลักฐานมีชัด ตามที่ “ผู้จัดการรายวัน” ได้นำมาตีแผ่ไปแล้ว
...ประมาณว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ...หรือที่ชัดๆ เข้ากับบริบทของพรรคนี้ ก็คือ “ปากบอกว่าศักดินาจงพินาศ แต่เครื่องราชฯก็อยากได้”
“คารม พลพรกลาง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลงชื่อขอพระราชทานเครื่องราชฯ ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ประมาณว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลบางอย่างก็ไม่ใช่จุดยืนของตน ความเห็นของ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ที่ว่า “ระบบการมอบรางวัลเหรียญตราเกียรติยศ คือ เครื่องมือแห่งการครอบงำ” ก็ไม่ใช่ความเห็นตน
“ผมเป็นตัวของตัวเอง แล้วการเมืองก็เหมือนชอบอาหาร ผมชอบส้มตำ ผมก็กินส้มตำ ผมชอบปลาร้า ผมก็กินปลาร้า ท่านชอบสเต็ก ท่านชอบกินภัตตาคารฝรั่งเศส อังกฤษ ท่านก็กินของท่านไป จะมาบอกว่าผมชอบเหมือนท่านไม่ได้ แม้แต่อยู่ในบริษัทเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน”
พระมหากษัตริย์พระราชทานสิ่งเหล่านี้ให้ เราก็รับได้ ไม่เห็นจะมีปัญหา
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดของพรรคก้าวไกล ที่เตรียมยื่นร่างญัตติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อสภาผู้แทนราษฎร นั้น “คารม” บอกว่า ผมไม่เซ็นครับและบังคับผมไม่ได้... ผมรู้ระดับความรุนแรง ผมจะตอบคำถามอย่างไร ถ้าผมมาสาบานตน แล้วผมอ่านรัฐธรรมนูญผมก็เข้าใจ แล้วผมมาเซ็นแก้ไขมาตรา 112 แม้ว่าแนวความคิดทางกฎหมาย ผมก็มีความรู้อยู่บ้างว่า มุมมองเป็นแบบไหน แต่สรุปคือไม่เซ็น !!
เช่นเดียวกับ “ขวัญเลิศ พานิชมาท” ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า... “บางจุดยืนของพรรค ไม่ใช่จุดยืนของผม” พร้อมกับโพสต์ภาพ รถพระราชทานตรวจหาเชื้อชีวนิรภัย ให้บริการตรวจเชิงรุกฟรี แก่ประชาชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
จุดยืนของ “ขวัญเลิศ” ก็เป็นอีกคนที่ “ไม่เซ็นชื่อ” แก้ไขมาตรา 112 แม้จะถูกมองว่าทำการ “สวนมติพรรค” ก็ตาม ยินดียอมรับการลงโทษ หรือการคาดโทษของพรรคที่จะตามมา
“ผมไม่สามารถลงชื่อญัตตินี้ เพราะขัดต่อหลักการส่วนตัว”
นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพรรคที่เป็น “ปฏิปักษ์” ต่อสถาบันฯ ...และเชื่อว่ายังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่คิดเหมือนกับ “คารม-ขวัญเลิศ” เพียงแต่ยังไม่ได้ประกาศออกมาเท่านั้น
เพราะเห็นตัวอย่างชัดว่าการเคลื่อนไหวนอกสภาของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ที่เป็นเสมือนนอมินีของพรรคก้าวไกล บรรดาแกนนำต่างมี “ความก้าวหน้าทางคดี” กันนับไม่หวาดไม่ไหว อนาคตเห็น “คุก” อยู่รำไร
สังคมไทยก็ไม่ต้อนรับ และได้ให้บทเรียนมาแล้วจากการเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่ “คณะก้าวหน้า” แพ้อย่างหมดรูป ไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว
การลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ตามมติพรรคจึงไม่ต่างอะไรกับการ “ฆ่าตัวตายทางการเมือง” ชัดๆ
ดูเหมือนว่า “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ก็รู้ว่าบรรดา ส.ส. คิดอย่างไรกับเรื่องนี้... จึงออกอาการ “หัวร้อน” โพสต์เหมือนด่ากราด ประมาณว่า ส.ส.คือ ผู้แทนของราษฎร ไม่ใช่พนักงานรัฐ ไม่ควรคิดว่า ส.ส.เป็นอาชีพ เมื่อเป็นแล้วก็ติดใจ ต้องเป็นอีก จนทำให้ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเพื่อราษฎรเลย...หาก ส.ส.ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพ และอำนาจประชาชน กฎหมายที่แปลง “ประชาชน” ผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ให้กลายเป็น “ไพร่” แล้ว ส.ส. ก็เป็นเพียงคนที่หายใจไปวันๆ เพื่อตำแหน่งเท่านั้น
น่าอนาถใจที่ “ปิยบุตร” ซึ่งคิดว่าตนเองเป็นตัวแทนประชาชน แต่ไม่รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร และคิดอย่างไรกับการทำตัวเป็น “ปฏิปักษ์” ต่อสถาบันฯ อย่างที่พรรคก้าวไกล กำลังทำอยู่ ...
ต้องจับตาว่า จะมี ส.ส.ก้าวไกล อีกกี่คน ที่แหกมติพรรค !!