ยิ่งแถลงยิ่งเห็นธาตุแท้จอมบิดเบือน “ภราดร” ยก 4 ประเด็น ตอก “ทอน” หงายเงิบ! “ทูตนริศโรจน์” เปิดจิ๊กซอว์ล้มเจ้าเห็นภาพ “หมอวรงค์” สอน กม. “บูด” หน้าที่ปวงชนชาวไทย กับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซัด “ไม่ทำหน้าที่”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 ม.ค. 64) จากกรณีการแจ้งความดำเนินคดี ม.112 และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หลังจากออกมาไลฟ์สดทางเพจคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทานฯ : ใครได้-ใครเสีย?” ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันฯ จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น
เรื่องนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“ผมไม่มีโอกาสได้ดู live ในตำนาน แต่ได้มาดูย้อนหลัง มีหลายเรื่องที่คลางแคลงใจว่า เป็นไปอย่างที่เขาว่า จริงหรือไม่ เมื่อวานทั้งวัน จึงได้นั่งอ่าน นั่งดู ทั้งคำชี้แจงของสาธารณสุข และ บทความของหลายท่าน พอสรุปประมวลออกมาได้ว่า
1. ประเด็นความล่าช้าของการสั่งจองวัคซีน
ผู้ live บอกว่า หากเชื่อเขาตั้งแต่แรกเราคงมีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคน
ท่านครับ การระบาดหนักในรอบแรกทั่วโลก เกิดขึ้นช่วงเดือนมีนาคม 2563 นานาประเทศเพิ่งเริ่มคิดค้นวัคซีนเพื่อป้องกันโรค เป็นโรคใหม่ ไม่มีบริษัทไหนเลยที่สามารถการันตีได้ว่า ได้ผล 100% และไม่ส่งกระทบข้างเคียงต่อประชาชน การเร่งรีบสั่งซื้อแต่เนิ่นๆ แบบที่ว่า จะกลายเป็นการซื้อของคุณภาพต่ำ และ ราคาสูง และที่สำคัญที่สุดคือ เอาชีวิตของประชาชนไปเสี่ยง #แบบนี้ใครรับผิดชอบ??
2. เคลมว่า นานาประเทศ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ มีการสั่งซื้อในตัวเลขต่อประชากรที่สูงกว่าไทย
ท่านครับ นั่นคือ ตัวเลขที่สั่งจอง และยังไม่ได้ของทันที วัคซีนก็ทยอยส่งให้ประเทศเหล่านั้นเป็นลอต เหมือนกับประเทศไทย ตัวเลข 21% ของประชากร ที่ท่านอ้างถึง มาจาก 2 ล้านโดส + 26 ล้านโดส = 28 ล้านโดส 1 คน ต้องใช้ 2 โดส นั่นคือ ใช้ได้กับคน 14 ล้านคน #แต่ ครม.ก็มีมติเพิ่มเติมสั่งซื้ออีก 35 ล้านโดส 17.5 ล้านคน เมื่อรวมกับ 14 ล้านคน ตัวเลขจึงไม่ใช่ 21% แต่มากถึงเกือบ 50% #ตัวเลขนี้ทำไมท่านไม่พูดถึง #ท่านไม่แฟร์ #ท่านจงใจบิดเบือนใช่หรือไม่??
3. รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้ สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิตวัคซีน ให้ แอสตราเซเนกา และสั่งซื้อจากบริษัทเดียว
เดี๋ยวนะะะ ใจเย็นๆ ก่อน รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้เลือกว่า บริษัทใดจะเป็นผู้ผลิตวัคซีนนะ เจ้าของวัคซีนคือ แอสตราเซเนกา เขาเลือกให้ บ.สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้ผลิต ซึ่งมีข้อตกลงว่า ผลิตปีละ 200 ล้านโดส วัคซีนทั้งหมดไม่ใช่เป็นของ สยามไบโอไซเอนซ์ แต่เป็นของแอสตราเซเนกา ซึ่งคือผู้ว่าจ้าง รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนจากแอสตราเซเนกา ตามข้อตกลงคือ 26 ล้านโดส +35 ล้านโดส
ถามว่า ผลิตตั้ง 200 ล้านโดส แบ่งให้คนไทยใช้แค่ 26 ล้านโดส ที่เหลือส่งไปขายที่อื่น. เอ้าาา เห้ยยย ก็เขามีหน้าที่แค่ผลิตตามจำนวนที่แอสตราฯให้ผลิต ส่วนเรื่องขายใครเท่าไร เป็นเรื่องของแอสตราฯรึเปล่า???
#แล้วแบบนี้เอื้อให้ บ.สยามไบโอไซเอนซ์ตรงไหน??
เอื้อตรงที่รัฐบาลสนับสนุนเงินให้ บ.สยามไบโอไซเอนซ์ เพียงบริษัทเดียวไง เขาว่าเช่นนั้น
เอิ่มม ต้องลองไปอ่าน พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนใหม่ครับ รัฐบาลสามารถสนับสนุน บ.ใด ก็ได้หาก บ.นั้นๆ ได้ทำ MOU กับเจ้าของเทคโนโลยี ในเมื่อสยามไบโอไซเอนซ์ได้ทำ MOU กับแอสตราเซเนกาเรียบร้อย ก็สามารถขอรับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลได้ ก็เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ไม่เห็นมีอะไรพิเศษนี่ครับ
#ท่านต้องการดิสเครดิต บ.สยามไบโอไซเอนซ์ เพื่อกระทบถึงคนที่ท่านอ้างถึง เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมืองใช่หรือไม่???
#วัคซีนพระราชทาน!!! ท่านก็รู้ว่า รัฐบาลใช้งบประมาณซื้อวัคซีนทั้งหมด วาทกรรมที่ว่าพุ่งเป้าไปที่ไหน และเพื่ออะไร ประชาชนเขาอ่านออกนะ อย่าเอาประเด็นบิดเบือนและทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันไปสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนอีกเลย รังแต่จะสร้างความสับสนและไม่ได้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นแม้แต่น้อย
เราคนไทย ควรยินดีมิใช่หรือ ที่เขาเลือกบริษัทของไทยเป็นผู้ผลิตเพื่อกระจายให้ประเทศในภูมิภาคนี้ ทำไมเขาไม่เลือกบริษัทอื่นละ? เพราะบริษัทนี้มีศักยภาพในการผลิตให้เขาอย่างเพียงพอและมีคุณภาพมิใช่หรือ???
(บทสัมภาษณ์จากแอสตราเซเนกา ตามอ่านทีเพจ Thailand Vision)
สั่งซื้อจากบริษัทเดียว? ก็ไม่ใช่นะ คุณก็พูดเองไม่ใช่หรือ ว่า 2 ล้านโดส มาจากชิโนแวค (ซึ่งซีพีถือหุ้น 15%) และหากสั่งซื้อจาก ชิโนแวคมากๆ คุณก็จะด่าเขาว่าเอื้อประโยชน์ให้ซีพีอีกละสิ!! พ่อคู้นนนนน
มากกว่านั้น คุณก็รู้มิใช่หรือว่าการเก็บรักษาวัคซีนยี่ห้ออื่น ไฟเซอร์, โมเดน่า มันต้องเก็บที่อุณหภูมิ -70 และ -20 องศาเซลเซียส ซึ่งจะยากมากต่อการลำเลียงขนส่ง แน่นอนเพิ่มราคาต่อโดสให้สูงขึ้น ในขณะที่แอสตราเซเนกาและชิโนแวค เก็บได้ที่อุณหภูมิตู้เย็น 2-8 องศา ทำให้บริหารจัดการได้ง่ายกว่ารึเปล่า??
4. เรื่องผลกำไรขาดทุนของ สยามไบโอไซเอนซ์ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะไปขุดคุ้ย ผมสนใจแต่เพียงว่า แอสตราเซเนกา เขามั่นใจว่า บ.นี้สามารถผลิตของตามคุณภาพให้เขาได้ก็พอละ #ไหนว่าทำการเมืองใหม่
บนสถานการณ์แบบนี้ สมควรหรือไม่ที่เอาข้อมูลจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง จินตนาการเอาเองบ้าง มาปั่นสังคม ผมว่าหยุดเล่นการเมืองสักพักเถอะ เลอะเทอะไปถึงวัคซีนพระราชทานนู่นนนน hate speach ลดได้ก็ลดเนอะ ผมยืมคำหัวหน้าผมมาใช้สะหน่อย #ถ้าไม่ได้ทำ_พูดอะไรก็ได้หมด #มือไม่พาย_ก็อย่าเอาอะไรราน้ำ”
ขณะเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความ พร้อมกราฟิกจากสื่อบางสำนักประกอบผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “แค่สงสัยการทำงานเรื่องวัคซีนของรัฐบาลก็กลับถูกดำเนินคดี😆 คุณคิดว่าที่เขากล่าวหาในแต่ละจุดนั้นเข้าข่ายความผิดจริงหรือไม่? ไปย้อนดูแล้วช่วยตัดสินกันหน่อยครับ”
ด้าน นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“วางแผนทำกันเป็นขบวนการ ตีทุกอย่างที่เกี่ยวกับในหลวง ร.๙ เพื่อดิสเครดิตพระองค์ท่านให้ด้อยค่าในสายตาเด็กรุ่นใหม่
ลองไล่เรียงดูสิว่า มันวางแผนตีอะไรบ้าง เริ่มด้วยตีเรื่องฝนหลวง ตีเรื่องปลานิล ตีเรื่องโครงการหลวง ตีเรื่องเขื่อน ตีเรื่องโซลาร์เซลล์ ตีเรื่องดอยคำ ล่าสุด ตีเรื่อง สยามไบโอไซเอนซ์
เห็น “จิ๊กซอว์” หรือยัง ? ลองทายกันดูว่า ต่อไปพวกมันจะหยิบเอาเรื่องใดมาตีกระทบสถาบันอีก ?
แผนการแบบนี้ทำให้นึกถึงช่วงก่อนที่ลาวจะเปลี่ยนแปลงการปกครองล้มระบอบกษัตริย์ ก็มีการปล่อยข่าวให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ของลาวแบบนี้เช่นกัน”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานยุทธศาสตร์กลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความ ตอบโต้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่โพสต์พาดพิงการตั้งพรรคไทยภักดี ไม่ควรเอาอุดมการณ์ปกป้องสถาบันฯ ไปเกี่ยวโยงว่า
“ขอบคุณนายปิยบุตร ที่เตือนพรรคไทยภักดี ที่มีเป้าหมายหนึ่ง คือ ปกป้องสถาบันฯ เกรงว่าจะเป็นการดึงสถาบันเข้ามาอยู่ “แดนการเมือง”
ผมคิดว่า นายปิยบุตรคงไม่ได้อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ที่บ่งบอกถึงหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ที่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พรรคไทยภักดีเรา ได้ทำหน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ ย้ำนะครับว่า เราทำหน้าที่ไม่ใช่เป็นการดึงสถาบันฯสู่แดนการเมือง ตามที่นายปิยบุตรเข้าใจ
แต่พวกคุณ นอกจากไม่ทำหน้าที่นี้แล้ว คุณยังไม่เข้าใจข้อบัญญัติของกฎหมายอีก จึงไม่แปลกที่พวกคุณทำผิดกฎหมายมาตลอด และไม่รู้ว่ากำลังทำผิดกฎหมาย”
แน่นอน, หลายคนคงได้ฟังนายธนาธร แถลงข่าวเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดี กรณีไลฟ์สดทางเพจคณะก้าวหน้า เรื่อง “วัคซีนพระราชทานฯ : ใครได้-ใครเสีย?” ไปแล้ว ทั้งในแง่ของประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าบิดเบือนเรื่องวัคซีน และประเด็นที่นำมาซึ่งการถูกดำเนินคดี ซึ่งชัดเจนหรือไม่ ก็อยู่ที่วิจารณญาณของผู้อ่าน
แต่ประเด็นที่น่าคิดอย่างมาก ก็คือ จากการออกมาตอบโต้ชนิดสวนหมัดจนหน้าหงายของ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ที่ทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือน และตั้งคำถามกลับถึงการจงใจบิดเบือนอย่างหน้าตาเฉย เพื่อดิสเครดิตทางการเมืองรัฐบาล รวมถึงมีความจงใจที่จะกระทบชิ่งไปยังเป้าหมายที่วางแผนการพูดเรื่องนี้เอาไว้แล้วหรือไม่
ดังนั้น สิ่งที่ นายธนาธร อ้างว่า “แค่สงสัยการทำงานเรื่องวัคซีนของรัฐบาลก็กลับถูกดำเนินคดี” จึงไม่เป็นความจริง เพราะเห็นได้ชัดว่า เจตนามีมากกว่านั้น ใครก็อ่านคำพูดออก
เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่นายธนาธร จะทำเอาตัวรอดได้ จึงไม่น่าจะแค่การแถลงข่าว หรือตอบคำถามเรื่องความไม่ชอบมาพากลของครอบครัว แบบไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง และไม่รู้สึกอะไรที่จะรับผิดชอบในทางการเมืองเลย
เหนืออื่นใด ถ้ายังเป็นอยู่เช่นนี้ คนไทยคงต้องคิดหนักมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า ว่าจะเอาคนอย่างนายธนาธร เป็นผู้นำประเทศ และเป็นผู้นำแห่งการเมืองใหม่ได้หรือไม่??? เพราะนั่นคือ เป้าหมายของเขา!!!