อุตส่าห์โผล่มาฆ่า หวังโชว์กึ๋นเรียกศรัทธาคืน กลับยิ่งเละ! “ดร.นิว” ชี้ “ทอน” จอมย้อนแย้งแห่งปี อวดฉลาดแก้โควิด-19 “ซึ่งต้องพิสูจน์” จับผิดมุ่งโจมตีรัฐบาล ให้ข้อมูลตลบหลังแสบ “ทิพานัน” โต้เจ็บ ไล่ชี้แจง “เรื่องตัวเอง-ครอบครัว”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 ม.ค. 64) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความ พร้อมภาพ ระบุว่า
“ตอนหาเสียง อบจ. ไม่ใส่หน้ากากอนามัย และป้องกันโควิด
ตอนนี้โควิดระบาด ออกมาอวดฉลาดเสนอวิธีแก้ปัญหาโควิด
#อวดฉลาดอย่างไรให้ดูไม่ฉลาด
#ธนาธรจอมย้อนแย้ง 2021”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก ซึ่งต้องพิสูจน์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“ธนาธร” เเถลงจาก ไลฟ์สด 4 ม.ค. 64 เวลา 20.27 น.
“เริ่มที่ปัญหาวัคซีน ตอนนี้ที่เป็นข่าวอยู่ คือ ทางรัฐบาลได้ร่วมมือกับ Siam Bioscience และบริษัท AstraZeneca ในการจัดหาวัคซีนสำหรับคนไทยจำนวน 26 ล้าน dose 1 คน ใช้ 2 dose เพียงพอสำหรับคน 13 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
แผนนี้เราไม่เคยได้รับรู้รายละเอียดเลยว่า คนที่เหลือจะทำอย่างไร จะจัดสรรด้วยงบประมาณอย่างไร ที่จะทำให้คนได้วัคซีนอย่างถ้วนหน้าและเป็นธรรม เมื่อตอนโควิดแพร่ระบาดใหม่ๆ ในปีที่แล้ว ทั้งคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลได้นำเสนอประเด็นนี้ไปแล้ว ว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนั้น ควรจะต้องตั้งเอาไว้เลย 6.7 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรวัคซีนให้กับคนไทย จนเพียงพอที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในประเทศ เสียดายที่รัฐบาลไม่เคยกันงบประมาณส่วนนี้ไว้
จนถึงวันนี้ เราจึงยังไม่เคยเห็นว่า รัฐบาลจะมีตัวเลขประชากรเป้าหมายที่จะต้องได้รับวัคซีนเท่าไหร่ ใช้งบประมาณเท่าไหร่ จะไปหาจากบริษัทไหน และจะแจกจ่ายให้ประชาชนเมื่อไหร่ ตราบใดที่เรายังจัดการโจทย์นี้ไม่ได้ ไม่มีทางที่ประเทศและเศรษฐกิจจะเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีทางที่ประชาชนจะอยู่ด้วยความมั่นใจ จะใช้ชีวิตเป็นปกติด้วยความสบายใจ
******************
ข้อมูลบางส่วน ที่หาได้ #ก่อนที่ธนาธรจะแถลง
เป้าหมายฉีดวัคซีนโควิด ให้คนไทยโดยรัฐ ฟรี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของประชากร หรือประมาณ 70 ล้านโดส 3 แนวทางดำเนินการ เพื่อคนไทยเข้าถึงวัคซีนโควิด-19
1. วิจัยพัฒนาในประเทศ
– งบกลาง 400 ล้านบาท
• mRNA 365 ล้านบาท
• ศูนย์วิจัยไพรเมท 35 ล้านบาท
2. ทำความร่วมมือวิจัยกับต่างประเทศ
– งบกลาง 600 ล้านบาท
• Siam Bioscience
**จัดทำคำของบเพิ่มตาม พ.ร.ก. เงินกู้ 2,340 ล้านบาท
3. จัดซื้อ จัดหา นำมาใช้ในประเทศ
จัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า
– ครม.อนุมัติการจอง 26 ล้านโดส จาก AstraZeneca
งบ 6,449 ล้าน
– กำลังเจรจาอยู่กับ COVAX อีกราว 20 ล้านโดส
– เจรจาเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ๆ ราว 10 ล้านโดส
- นอกจากนี้ จะได้รับวัคซีนจาก
บริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน 2 ล้านโดส
**ในเย็นวันที่ 4 ม.ค. 64 #ก่อนธนาธรเเถลง
นายกฯ ให้จัดหาวัคซีนเพิ่มขึ้นอีก 35 ล้านโดส
ตั้งเป้าใหม่ ให้เกือบ 60 ล้านคน ได้ฉีดวัคซีน
อ้างอิงข้อมูล
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมการรณรงค์ให้วัคซีนโควิด 19 มี 6 ด้าน ได้แก่
1. การเตรียมวัคซีนโควิด 2. การเตรียมสถานพยาบาล 3. สื่อสารประชาชนให้เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายใดที่ควรรับวัคซีน
4. การรณรงค์ฉีดวัคซีน 5. การติดตามผลการให้วัคซีน 6. ติดตามอาการหลังได้รับวัคซีน ซึ่งจะมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมาทบทวน
3 ธันวาคม 2563 สธ.แจงมีระบบบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามกำหนด
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/150490/
แบบคลิป เริ่มนาที่ ที่ 13
https://www.youtube.com/watch?v=9vqYeM3u0FQ
สธ. เผยไทยเริ่มผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้ว กำลังผลิตปีละ 200 ล้านโดส
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/151982/
นายกฯเผยจองเพิ่มวัคซีน 35 ล้านโดส
ฉีดให้คนไทยได้เกือบหมดทั้งประเทศ
04 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 17:49 น.
https://www.thaipost.net/main/detail/88803
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จัดรายการเฟซบุ๊กไลฟ์พิเศษ ในหัวข้อ “ประเทศไทย 2021 : ข้อเสนอจัดการโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ” เช่นกันว่า
“วิสัยทัศน์ของประธานคณะก้าวหน้า เป็นแค่เพียงความคิดเห็นที่ถดถอยและก้าวตามหลังสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้ลงมือทำไปหมดแล้ว และที่ไม่ทำแสดงว่า คณะกรรมการประเมินแล้วว่า ผลเสียเยอะกว่า นายธนาธร ควรตื่นจากฝัน และไม่ควรหลงเชื่อสคริปต์ที่คนอื่นเตรียมให้ หรือ เฟกนิวส์ ต่างๆ ที่แชร์กันตามสื่อโซเชียล เพราะทำให้ประชาชนขบขันจนอาจตั้งฉายาว่า นายกโซเชียลได้
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สิ่งที่นายธนาธรได้เสนอให้รัฐใช้มาตรการโดยคำนึงถึง 2 หลักการ คือ หลักความได้สัดส่วน และหลักความเป็นธรรมและเสมอภาคนั้น เป็นเพียงหลักการพื้นฐานของ “กฎหมายปกครอง” และ “การบริหารรัฐ” ซึ่งทุกมาตรการที่รัฐใช้อยู่ในการป้องกันการแพร่ระบาดและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปตามหลักการดังกล่าวอยู่แล้ว
อีกทั้งข้อเสนอของนายธนาธรยังขัดกันเอง ไม่เป็นไปตามหลักการที่นายธนาธรเสนอมา เหมือนคนมีปัญหาเรื่องความจำ จำสิ่งที่ตนเองพูดไม่ได้ บอกว่าค่าชดเชยเพียงวันละ 100 บาท ไม่เพียงพอ ไม่ได้สัดส่วน แต่ไม่เกิน 30 นาที ก็กลับเสนอเองว่า ให้เยียวยาถ้วนหน้า แจกคนละ 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งก็เฉลี่ยวันละ 100 บาทนั่นเอง
ข้อเสนอเดือนละ 3,000 บาท จึงขัดกับหลักความได้สัดส่วน และหากใช้วงเงิน 4 แสนล้านบาท ตามที่นายธนาธรเสนอให้แจกคนละ 9,000 บาท (แจก 3,000 บาท 3 เดือน) ก็จะสามารถแจกได้เพียง 44.4 ล้านคน ไม่พอกับจำนวนประชากรทั้งหมดของไทย จึงไม่ใช่การแจกถ้วนหน้า ดังนั้น จึงเป็นข้อเสนอที่ขัดกับหลักความเป็นธรรมและเสมอภาค
“สำหรับข้อมูลเรื่องวัคซีนนั้น นายธนาธร อธิบายและวิจารณ์จากข้อมูลที่ผิดพลาดทั้งสิ้น ทำให้ทราบเลยว่านายธนาธรไม่ได้ฟังและศึกษามาอย่างจริงจังจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้
นายธนาธร รู้หรือไม่ว่า มีกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ประกาศใช้แล้วตั้งแต่ 21 พ.ย. 61 และการดำเนินการจัดสรรวัคซีนของรัฐบาลก็ต้องเป็นไปตามนิยาม “ความมั่นคงด้านวัคซีน” ในมาตรา 3 ที่ว่า
การเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม การดำเนินการให้มีปริมาณวัคซีนเพียงพอต่อความต้องการ มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อการมีสุขภาพที่ดีของประชาชน ทั้งในสถานการณ์ปกติและในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ดังนั้น นายธนาธร ควรไปศึกษา เรียนรู้มาใหม่ อย่ามาแบบจับแพะชนแกะให้ข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้”
น.ส.ทิพานัน กล่าวอ้างด้วยว่า ข้อมูลวัคซีนที่ถูกต้องตามที่ นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และ ดร.ทรงพล ดีจงกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามไบโซเอนซ์ จำกัด ได้แถลงข่าวความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อบ่ายวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา คือ วัคซีนทั้งหมดที่จะสั่งซื้อนำเข้ามาคือ ร้อยละ 80 ของจำนวนประชากร (ประมาณ 105 ล้านโดส)
โดยในส่วน 70 ล้านโดส (ร้อยละ 50) เป็นการจองซื้อวัคซีนล่วงหน้าจำนวน 26 ล้านโดสกับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งใช้เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และถ่ายทอดกระบวนการผลิตให้กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่จะมีกำลังผลิตประมาณ 200 ล้านโดสต่อปี หรือเดือนละ 15-20 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ภายในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และอีกประมาณ 35 ล้านโดส (ร้อยละ 30) อยู่ระหว่างการเจรจากับ COVAX Facility และบริษัทผลิตวัคซีนอื่นๆ นอกจากนี้ เพื่อให้ได้วัคซีนเร็วที่สุด ทันต่อสถานการณ์ รัฐบาลยังได้มีการนำเข้าวัคซีนจากบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน 2 ล้านโดส โดยจะได้รับปลายเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 200,000 โดส ปลายเดือนมีนาคม 800,000 โดส และปลายเดือนเมษายนอีก 1 ล้านโดส
สำหรับส่วนที่เหลือจะอยู่ในการจัดสรรจากกำลังการผลิตของประเทศไทยเอง เพื่อให้เพียงพอกับประชากรไทยทุกคน ซึ่งจะเห็นว่า รัฐบาลมีการวางแผนให้ประเทศเกิดความมั่นคงด้านวัคซีน และดำเนินการให้เกิดความมั่นใจว่าให้คนไทยได้วัคซีนเร็ว มีคุณภาพ และปลอดภัย รวมไปถึงทุกคนต้องมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียม
“สิ่งที่สังคมต้องการจากนายธนาธร ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์หรือข้อเสนอที่ซ้ำซ้อนกับสิ่งที่รัฐบาลได้ทำมาแล้ว และได้กำลังดำเนินการอยู่
แต่สังคมต้องการให้นายธนาธรปฏิรูปความโปร่งใส ความสุจริต ของตัวนายธนาธรและบุคคลในครอบครัว
โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ทำทันที (Now), ทำในเดือนนี้ (Near) และทำใน 2-3 เดือนข้างหน้า (Far) ในการชี้แจงตอบคำถามแก่สังคม 4 เรื่อง คือ 1. นายธนาธร มีการเลี่ยงภาษีเรือยอร์ชและแจ้งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินที่คลาดเคลื่อนต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ 2. นายธนาธร บริหารจัดการโครงการ Mayday Mayday ผิดพลาดโดยไม่ดำเนินการแจกเงินถ้วนหน้าโดยโอนเรียงตามลำดับจากรายแรกไปตามที่ประกาศของโครงการตามที่ได้โฆษณาไว้ตั้งแต่ต้นว่าใครขอก่อนต้องได้ก่อน และใช้เงินบริจาคผิดไปจากวัตถุประสงค์หรือไม่
3. นายสกุลธร น้องชายและบริษัทที่นายธนาธรเคยถือหุ้นอยู่ พัวพันการติดสินบนเพื่อให้ได้สิทธิเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์โดยมิชอบหรือไม่ และ 4. มารดาของนายธนาธร ถือครองที่ดินรุกป่าสงวนในพื้นที่ จ.ราชบุรี 450 ไร่ และมีการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบอีกกว่า 2,000 ไร่หรือไม่” (ไทยโพสต์)
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ที่มี นายธนาธร เป็นประธาน ยังโพสต์หัวข้อข่าว [ประชาชนไม่ใช่ภาระของประเทศ! ธนาธร จัดหนัก แนะแนวทางรับมือโควิด-19 จี้รัฐต้องเร่งเยียวยา เสนอระยะสั้นใช้ 4 แสนล้านชดเชยถ้วนหน้า 3 พันบาทต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือน] ซึ่งรายละเอียดถ้าใครสนใจก็สามารถติดตามได้
แน่นอน, เป็นอีกครั้ง ที่ดูเหมือนนายธนาธร หวังดีกับประเทศชาติบ้านเมือง แต่เนื้อหาสาระที่แสดงวิสัยทัศน์ กลับเห็นได้ชัดว่า ต้องการอวดอ้างผลงานของคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ซึ่งใครก็รู้ว่า ส่วนใหญ่เป็นข้อเสนอของ “ตัวพ่อ” มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ หนำซ้ำ ยังเสนอทวนกระแสอยู่หลายครั้ง เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่ชูเรื่อง “สิทธิสุขภาพ” ต้องมาก่อน รวมถึงหาประเด็นมาโจมตีรัฐบาล หวังอาศัยวิกฤตรอบใหม่ เอาให้จมดิน
แต่น่าเสียดาย ที่ไม่ใช่เรื่องถนัดของนายธนาธร แม้จริงอยู่ว่า พูดได้ทุกเรื่อง จึงทำให้การทำการบ้านเรื่องข้อมูลไม่สมประกอบ ถูกฝ่ายรัฐบาลจับผิด เห็นช่องว่างที่กลวงโบ๋ จนนำข้อมูลมาตีตลบหลังได้อย่างเจ็บแสบ และไม่มีทางแก้ตัวได้
เหนืออื่นใด ดูเหมือนช่วงนี้ ชะตาชีวิตนายธนาธร ทำอะไรก็ผิดพลาดเป้าหมายไปหมด รุ่งอยู่เรื่องเดียว คือ ปัญหาที่โผล่มาซ้ำเติมไม่เว้นแต่ละวัน แถมคนในครอบครัว ก็ไม่น้อยหน้าอีกด้วย โทษใครดีล่ะ นอกจากตัวเอง???