“ทูตอิหร่าน-มองโกเลีย” เข้าพบ “สมศักดิ์” รมว.ยุติธรรม หารือปัญหายาเสพติด หวังทำสนธิสัญญาร่วมมือ-แลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมปรึกษาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ยันรัฐบาลไทยให้ความสำคัญ-เอาจริงเอาจังปราบปรามยึดทรัพย์ตัดวงจร พร้อมร่วมมือนานาชาติ
เมื่อวันที่ 19 ม.ค.64 ที่กระทรวงยุติธรรม นายซัยยิด โนบัคตี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย เข้าพบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อเยี่ยมคารวะและหารือเรื่องต่างๆ
โดย นายซัยยิด กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่ประเทศไทยและอิหร่านมีความสัมพันธ์ทางการทูตมาอย่างยาวนานถึง 65 ปี และต้องขอขอบคุณที่ทางการไทยให้ความร่วมมือด้านการศาลและการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยและอิหร่าน และการเดินทางมาพบในครั้งนี้ยังอยากขอความร่วมมือ เรื่องสนธิสัญญาเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันการขนยาเสพติดข้ามชาติ หากรัฐบาลไทยเห็นด้วย ตนอยากเดินหน้าเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการขนยาเสพติด และขออวยพรให้ประเทศไทยผ่านสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ไปโดยเร็ว
นายสมศักดิ์ ระบุว่า ต้องขอบคุณที่นายซัยยิดเดินทางมาในวันนี้ อิหร่านกับไทยถือเป็นประเทศมิตรสหาย มีความสัมพันธ์กันมายาวนาน ประเด็นปัญหายาเสพติดตนพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเวลานี้รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามรูปแบบใหม่ คือการยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติด ที่เรากำลังเร่งดำเนินการอยู่ ส่วนเรื่องการลงนามความร่วมมือ ตนจะมอบหมายให้ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ประสานงานต่อ ตนหวังว่าเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดเราจะทำสำเร็จทั้ง 2 ประเทศ เพราะอิหร่านกับไทย มีความคล้ายคลึงกัน คือ เป็นประเทศทางผ่าน
จากนั้นในช่วงบ่าย นายทูมูร์ อามาร์ซานา เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบนายสมศักดิ์ โดยนายทูมูร์ กล่าวว่า วันนี้ที่ตนเข้าพบอยากจะหารือเรื่องการขอความร่วมมือจากกระทรวงยุติธรรม เช่น การทำทวิภาคีด้านกฎหมาย การพัฒนากฎหมาย และร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่มีการพูดคุยหารือไปเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และอีกเรื่องหนึ่งคือ อยากเชิญ รมว.ยุติธรรมมองโกเลีย เข้าพบกับนายสมศักดิ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการทำกฎหมายยาเสพติดของประเทศไทย ที่มีความคืบหน้าไปมาก รวมทั้งแนวทางการปราบยาเสพติดและแนวทางการบำบัดผู้ติดยาเสพติด
นายทูมูร์ ยังได้ขอบคุณกระทรวงยุติธรรมไทยจากกรณีผู้ต้องขังหญิงชาวมองโกเลียได้ให้กำเนิดบุตรในเรือนจำของประเทศไทย โดยทางการไทยได้ส่งเด็กกลับไปสู่ญาติพี่น้องที่มองโกเลีย จึงขอเป็นตัวแทนขอบคุณ เพราะเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากๆ และสุดท้ายขอฝาก เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 อยากให้ช่วยดูเรื่องสุขภาพของผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยเฉพาะชาวมองโกเลียด้วย
โดยนายสมศักดิ์ ระบุว่า ตนยินดีที่จะเชิญ รมว.ยุติธรรมของมองโกเลียแลกเปลี่ยนความเห็น แต่ขอให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นก่อน จะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน โดยเฉพาะรูปแบบใหม่ คือปราบปรามและการยึดทรัพย์ ส่วนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นตนจะขอหาทางทำให้ดีที่สุด ส่วนการส่งบุตรของผู้ต้องขังหญิงชาวมองโกเลียกลับสู่ครอบครัวนั้น ตนขอยืนยันว่าการดูแลผู้ต้องขังทุกคน เราทำตามหลักสิทธิมนุษยชน และตอนนี้กำลังให้ความสำคัญกับการลดความแออัดในเรือนจำ ซึ่งเมื่อแก้ได้สำเร็จการเป็นอยู่จะดีขึ้นไม่เบียดเสียดเหมือนแต่ก่อน ส่วนเรื่องโควิด-19 ที่ผ่านมาทุกเรือนจำถือว่ามีมาตรการที่เข้มข้น ทำให้ไม่มีผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด
"การพบเอกอัครราชทูตทั้ง 2 ประเทศ หัวใจสำคัญคือเรื่องปัญหายาเสพติด ผมต้องขอบคุณต่างประเทศที่มองเห็นความตั้งใจในการทำงานเพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังของรัฐบาล ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำ จึงทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ผมขอยืนยันว่าไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับนานาประเทศในสิ่งที่ถูกต้อง ประเทศไทยไม่เคยเป็นศัตรูกับใครเป็นประเทศที่รักสงบ อะไรที่ช่วยเหลือต่างประเทศได้เราพร้อมร่วมกันทำงานและพัฒนาไปพร้อมๆกัน"นายสมศักดิ์ กล่าว.