xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.คมนาคม อัด กทม.ขึ้นค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว 104 บ.ข่มขู่ซ้ำเติมวิกฤต ปชช.เรียกแจง 21 ม.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปธ.กมธ.คมนาคม ชี้ กทม.ขึ้นค่าโดยสารสายรถไฟฟ้าสีเขียว 104 บาท ข่มขู่และซ้ำเติมวิกฤตประชาชน ไม่สนใจข้อท้วงติงราชการ เชื่อทำราคาได้ต่ำกว่า 65 บาท เตรียมเรียกแจง 21 ม.ค.นี้ พร้อมส่งเรื่องรัฐบาลคัดค้านถึงที่สุด

วันนี้ (17 ม.ค.) นายโสภณ ซารัมย์ ประธานกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ทางกรุงเทพมหานคร ได้ออกประกาศเพื่อปรับอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายอยู่ที่ 104 บาท เป็นการซ้ำเติมประชาชนในช่วงวิกฤต Covid-19

กมธ.คมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ได้แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อการคิดอัตราค่าโดยสารสายสีเขียว ตลอดสาย 65 บาท พร้อมขอให้ กทม.ชี้แจงที่มาของการคำนวณราคาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จนบัดนี้ยังไม่ได้รับข้อมูล แต่กลับข่มขู่ประชาชนว่าจะขึ้นราคา 104 บาทในเดือนหน้า

โดยที่ผ่านมา กมธ.คมนาคมได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า การคิดอัตราค่าโดยสารนั้นต้องเปิดเผยที่มา การคิดราคาอย่างโปร่งใส และเชื่อว่าสามารถคิดราคาได้ถูกกว่า 65 บาทตลอดสาย และควรกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกที่สุดสำหรับประชาชนที่ใช้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ

1. การต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยคิดราคาค่าโดยสารสูงสุด 65 บาท กทม.ควรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะว่ามีฐานการคิดคำนวณมาอย่างไร เนื่องจากการสอบถามข้อมูลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงคมนาคมเห็นว่ายังสามารถลดค่าโดยสารลงได้ต่ำกว่า 65 บาท กมธ.คมนาคมจึงเห็นว่า ค่าโดยสารที่สามารถลดลงได้อีกเนื่องจากปริมาณการเดินทางในอนาคตจะมีมากขึ้น ต้นทุนต่อการเดินรถควรจะถูกลงอีกจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะสามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้มากขึ้น

2. ประชาชนควรจะได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ในการต่อสัญญาสัมปทานครั้งนี้ เช่น การลดค่าแรกเข้าระบบที่ไม่ควรจะมีการคิดซ้ำซ้อน และไม่มีเงื่อนไขซึ่งจะเป็นภาระต่อผู้โดยสาร

3. หากยังไม่มีการต่อสัญญาสัมปทาน ซึ่งกำลังจะหมดลงในปี 2572 หรือในอีก 9 ปี ข้างหน้า และสินทรัพย์ทั้งหมด จะตกกลับมาเป็นของรัฐ คือ กทม. จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีกำไร หลังจากหักค่าจ้างเดินรถแล้ว จะมีกำไรไม่น้อยกว่าปีละ 5,000 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต กำไรดังกล่าวสามารถนำมาบริหารจัดการ ช่วยลดอุดหนุน เส้นทางรถไฟฟ้า อื่นๆ ที่อยู่นอกเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้มีรายได้น้อยกว่า ได้ใช้รถไฟฟ้าในอัตราที่ถูกกว่า คนในใจกลางเมือง

การที่อ้างว่า กทม.ไม่มีความสามารถทางการเงินในการชำระหนี้ และบริหารจัดการ ไม่เป็นความจริง เนี่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งเส้นทาง มีศักยภาพทางธุรกิจที่ชัดเจน สามารถระดมเงินเพื่อบริหารจัดการ ได้จากแหล่งเงินต่างๆ เช่น ธนาคาร แหล่งทุน เนื่องจากมีรายได้มหาศาลที่ชัดเจน

4. การดำเนินการของคณะกรรมการตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 3/2562 ควรเปิดเผยรายงานการประชุมต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน โดยทั่วไปได้ และ 5. การต่อสัญญาสัมปทานดังกล่าว ยังดำเนินการไม่ครบถ้วน เช่น พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2562 และการตรวจสอบจากองค์กรอิสระต่างๆ ยังไม่แล้วเสร็จ

ประธาน กมธ.คมนาคมกล่าวว่า หาก กทม. ยังคงยืนยันการดำเนินการเรื่องรถไฟสายสีเขียวในยามวิกฤตความเดือดร้อนของประชาชน ถือว่าเป็นการซำ้เติมสถานการณ์ของบ้านเมือง และยังไม่ฟังเสียงประชาชนและข้อทักท้วงจากส่วนราชการ และข้อแนะนำจากภาคประชาชน

“กมธ.คมนาคมจะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในวันพฤหัสบดี (21 ม.ค.) ที่จะถึงนี้ เพื่อคัดค้านการขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรมและแจ้งเรื่องการคัดค้านดังกล่าวไปยังรัฐบาล เพื่อสั่งให้ยุติวิกฤตความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด” นายโสภณกล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น