xs
xsm
sm
md
lg

“ด้วยรักและอาลัย “พี่โต้ง” ฐากูร บุนปาน” ตัวละคร “ลับ-ไม่ลับ” เพียบ เผยโฉม “ปิยบุตร-ธนาธร” คอนเนกชัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากแฟ้ม
“ปิยบุตร” เขียนไว้อาลัย แต่ทำไปทำมา เหมือนย้อนอดีตก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเผยโฉมตัวละครทั้ง “ลับ-ไม่ลับ” เครือข่ายต่อต้าน คสช. และ “ปิยบุตร-ธนาธร” คอนเนกชัน-สายสัมพันธ์สื่อดัง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 ม.ค. 64) เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์หัวข้อ [ด้วยรักและอาลัย “พี่โต้ง” ฐากูร บุนปาน]

โดยระบุว่า หลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ผมพบพี่โต้งครั้งแรก ในวงอาหารที่ร้าน “เบียร์หิมะ” วันนั้น พวกเราไปรับอาจารย์วรเจตน์ หลังจากได้รับการปล่อยตัว จากการถูกควบคุมตัวในข้อหาไม่ไปตามคำสั่งเรียกของ คสช.
พี่โต้งมาร่วมวงกับเราตามคำชวนของอาจารย์พวงทอง และ พี่จุ๊ จุฬาลักษณ์ มื้อนั้น พี่โต้งอาสาขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารต้อนรับอิสรภาพของอาจารย์วรเจตน์ด้วย
จากนั้น ผมกับพี่โต้งก็พูดคุย สนทนากันมากขึ้น อาศัยว่าบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน พี่โต้งไม่ขับรถ ไปไหนมาไหน ใช้บริการแท็กซี่ เวลาเลิกจากวงอาหาร ก็มักจะ “ติดลม” หาที่คุยกันต่อ ขากลับ ผมก็แวะไปส่งพี่โต้งที่บ้าน

รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ทำให้ผมอยู่ในห้วงความรู้สึกโกรธ เศร้า กับสถานการณ์การเมืองไทย ประกอบกับ มธ. ปรับปฏิทินการศึกษาใหม่ ให้เปิดเทอมแรกเดือนสิงหาคม ทำให้มีเวลาว่าง ไม่ต้องสอนหนังสืออยู่หลายเดือน ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ช่วงนั้น ผมเลือกใช้วิธีการออกไปนอกบ้าน หาอะไรดื่ม คิดอะไรไปเรื่อย หลายครั้ง ผมโทร.หาพี่โต้ง ชวนออกมาดื่ม ช่วงนั้น กระแสคราฟต์เบียร์เริ่มมา พวกเราก็ไปตระเวนหาร้านดื่มกันย่านอารีย์ ย่านพระอาทิตย์

มีวันหนึ่ง ผมกะทิ้งตัว ดื่มยาวๆ เลือกจอดรถไว้ที่บ้าน ตระเวนดื่มไปเรื่อย มาจบที่ร้านเปิดใหม่แถวบางขุนนนท์ เกือบห้าทุ่มแล้ว ผมลองโทร.หาพี่โต้ง ไม่ได้คาดคิดว่าแกจะยอมออกจากบ้านมา แต่แกมีน้ำใจกับผม นั่งแท็กซี่ออกมาดื่มด้วยกัน วันนั้นคุยกันสนุก โดยเฉพาะเรื่องฟุตบอล

ช่วงนั้น เราใช้บาร์ ร้านเหล้า ร้านข้าวต้ม เป็นสถานที่สนทนากันบ่อยครั้ง เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ หนังสือ ธุรกิจสื่อใหม่ ฟุตบอล

พี่โต้งให้โอกาสผม เขียนคอลัมน์ในมติชนสุดสัปดาห์ วันนั้นจำได้ว่า นัดกันย่านพระอาทิตย์ พี่โต้ง ชวนผมและศิริพจน์ มาดื่มคุย เพราะเราทั้งคู่จะเริ่มเขียนลงมติชนสุดสัปดาห์ ไล่ๆ กัน วงวันนั้น เริ่มตั้งแต่ 3 ทุ่ม ไปจบเอาตีสอง จากร้านหนึ่งย่านพระอาทิตย์ ไปจบอีกร้านหนึ่งย่านบางลำพู

ปี 2559 ผมรับทุนจากรัฐบาลฝรั่งเศส ไปค้นคว้าที่ปารีส 6 เดือน วงดื่มกับพี่โต้งที่เคยมีบ่อยๆ ก็ลดน้อยลงไป

เดือนกรกฎาคม ผมกลับมา เพื่อรณรงค์ vote no ประชามติร่าง รธน. และจัดงานแต่งงาน
ผมนัดพี่โต้ง เพื่อพูดคุยเรื่องรณรงค์ประชามติ และเชิญแกมาร่วมงานแต่งงานของผมกับ Eugénie

5 ส.ค. ในงานแต่งงาน พี่โต้งได้มอบบทกวีที่แกแต่งขึ้น เขียนด้วยลายมือ และใส่กรอบให้กับเรา พี่โต้งบอกว่า ชื่อของ Eugénie ควรเรียกเข้าไทยว่า “อุชเชนี” ซึ่งเป็นนามปากกาของประคิณ ชุมสาย

ปลายปี 2560 ธนาธร ชัยธวัช และผม คิดอ่านจะตั้งพรรคการเมือง พวกเรานัดพบปะพูดคุยกับผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อาวุโสจากหลายแวดวง เพื่อขอความรู้ประสบการณ์ หนึ่งคนในนั้น ต้องมี ฐากูร บุนปาน

เรานัดกันที่บ้านของ ธนาธร เราชวน พี่ป้อม นิธินันท์ พี่ถึก ใบตองแห้ง พี่ชูวัส และพี่โต้ง นอกจากนั้น ผมยังไปชวน “คุณช่อ” มาด้วย วันนั้น นอกจากขอความรู้จากสื่ออาวุโสแล้ว ผมตั้งใจขอให้คุณช่อทิ้งอาชีพสื่อ มาร่วมก่อตั้งพรรคกับพวกเรา วงเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็น ไปจบเอาข้ามไปวันใหม่อีกหลายชั่วโมง ธนาธร หมดไวน์ไปหลายขวด พี่โต้ง อยู่กับพวกเราจนวงเลิก

ภาพ นายฐากูร บุนปาน จากแฟ้ม
พี่โต้งได้วาดภาพให้เราดูว่า หากเราตั้งพรรค จะเจออะไรบ้าง และควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร

พรรคการเมืองต้องมีทีมงานเบื้องหลัง ทีมที่สำคัญทีมหนึ่ง คือ ฝ่ายสื่อสารของพรรค ผมคุ้นเคยกับเชตวันมานาน และอนาคตของเขาที่มติชนก็น่าจะไปได้ดี แต่ผมก็ไปชวนให้เชตวันออกจากมติชน ออกจากพื้นที่ปลอดภัย แล้วมา “เสี่ยง” กับพวกเรา มาช่วยทีมสื่อของพรรค

ผมโทร.ไปขอพี่โต้ง แกตอบกลับมาว่า แกคุยกับเชตวันเรียบร้อย สนับสนุน ให้กำลังใจ เอาใจช่วย

เมื่อผมกลายเป็นนักการเมืองเต็มตัว เวลาของการพบปะ ดื่ม คุยกับพี่โต้งก็ลดลงไป เวลาผมไปตระเวนเดินสายหลายจังหวัด แกโทร.มาเมื่อไร ก็ได้แต่นัดแนะว่า ไว้กลับมากรุงเทพฯหาเวลานัดกัน

หลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 62 พี่โต้งโทร.มาแสดงความยินดี และบอกว่า ให้เตรียมตั้งรับให้ดี ต่อไปคือของจริง

จริงดังที่พี่โต้งว่า หลังจากนั้น ธนาธร และผม เจอคมหอกคมดาบพุ่งเข้าใส่ไม่เว้นแต่ละวัน

พี่โต้งให้กำลังใจผมเสมอ มีความห่วงใยฝากมาทุกครั้งที่ได้ยกหูคุยกัน

กลางปี 62 ผมทราบข่าวร้ายว่า พี่โต้งเป็นมะเร็ง และเริ่มเข้ารับการรักษา เราเจอกันที่มติชน พี่โต้งยังกำลังใจเต็มเปี่ยม บอกผมว่า ตอนนี้ ต้องพัก ออกไปซ่ากับผมเหมือนก่อนไม่ได้ ไว้ร่างกายหายดีเมื่อไร ค่อยไปดื่มกันใหม่ ผมยิ้มรับ เรื่องดื่มคุยกันแบบก่อนเรื่องเล็ก ให้พี่กลับมาแข็งแรงสำคัญกว่า

3 ก.ค. 63 ผมไปร่วมเสวนางาน “80 ปี อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์” ได้พบกับพี่โต้งอีกครั้ง แม้ร่างกายจะเปลี่ยนไปอันเนื่องมาจากการรักษา แต่แกยังดูสดใส และพูดคุยกันเรื่องการเมืองสนุกสนานเหมือนเคย

15 ก.ค. 63 อาจารย์ช้าง ขรรค์ชัย บุนปาน เป็นเจ้าภาพ เลี้ยงอาจารย์นิธิ ที่ร้านเบียร์หิมะ วงวันนั้น สนุกมาก เพราะการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา เริ่มจุดติดไปทั่วประเทศ
แต่วันนั้น คือ วันที่ผมได้พบกับพี่โต้งเป็นครั้งสุดท้าย

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ กลางปี 57 ผมรู้จักพี่โต้งครั้งแรกที่นี่ กลางปี 63 ผมพบพี่โต้งครั้งสุดท้าย ก็ที่นี่

ช่วงเดือน พ.ย. ระหว่างไปลุยหาเสียงท้องถิ่น เชตวัน แจ้งผมว่า อาการพี่โต้งทรุดหนัก

ปลาย พ.ย. ธนาธร และผม นำทีมผู้สมัคร อบจ. เข้าพบมติชน ปกติ พี่โต้งจะมาต้อนรับพวกเราทุกครั้ง แต่วันนั้น ไม่มีพี่โต้ง ผมคาดได้ว่า อาการของพี่โต้งคงหนักเข้าระยะสุดท้ายแล้ว

ธนาธร และผม ติดต่อเพื่อขอเข้าเยี่ยมพี่โต้ง เพื่อ “บอกลา” แต่ด้วยสภาพร่างกายของพี่โต้งในระยะสุดท้ายและทางครอบครัวขออนุญาตใช้เวลาช่วงสุดท้ายให้เต็มที่ เราจึงไม่ได้เจอ

ในบทสนทนาของเราหลายครั้ง พี่โต้งฝันอยากเห็นบ้านเมืองที่ดีขึ้นกว่าเดิม ก้าวหน้ากว่าเดิม ผมเชื่อมั่นว่าจะมาถึงในเร็ววัน แม้วันนี้ เราไม่มีโอกาสยืนมองและเห็นด้วยตาพร้อมกันแล้ว แต่เราจะได้เห็นด้วยกันอย่างแน่นอน
ด้วยรักและอาลัย
12 มกราคม 2564”

ภาพ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มีข้อมูลว่า สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวนถึง 35,836,000 หุ้น หรือ 19.33% ของหุ้น “มติชน” ทั้งหมด และได้ส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คือ ธนาธร เข้าไปเป็นกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2556

ก่อนจะลาออกเพื่อมาตั้งพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 รวมระยะเวลากุมบังเหียน “มติชน” ทางตรงถึงเกือบ 5 ปี แต่ถึงแม้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะโบกมือลาไปเล่นการเมือง สัดส่วนการถือหุ้นของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในมติชน ยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้ราคาที่ซื้อมาจาก อากู๋แกรมมี่ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 11.11 บาท แล้ววันนี้ไถลรูดไปอยู่ที่ 4.88 บาทต่อหุ้น (ราคา ณ วันที่ 21 มีนาคม 2562) แต่สัดส่วนการถือครองของ “จึงรุ่งเรืองกิจ” ไม่เปลี่ยนแปลง

ข้อน่าสังเกตเพิ่มเติมต่อการได้มาของหุ้น บิ๊กล็อต ที่ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (ซื้อมาจากเครือแกรมมี่ของไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ตั้งแต่ปี 2556 ขณะนั้นแกรมมี่ขายหุ้นล็อตใหญ่ที่ถืออยู่ทั้งสิ้น 22.12 % โดยมี สมพร มาถือไว้ 18.51% และ วราภรณ์ พวงเรืองศรี กับ ศิริชัย จรุงสถิตพงศ์ มาซื้อรวมกันอีก 3.61% เมื่อรวมกับของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แล้วเท่ากับสัดส่วนที่แกรมมี่ขายพอดิบพอดี และตลอดเกือบ 6 ปี ทั้ง สมพร-วราภรณ์-ศิริชัย กอดหุ้น “มติชน” ในสัดส่วนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นสงสัยได้มั้ยว่าคือผู้ถือหุ้นกลุ่มก้อนเดียวกัน?

ในคำลาลับจากการเป็น “บอร์ดมติชน” เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวในช่วงท้ายว่า

“หากต่อไปมติชนจะสนับสนุนผม ให้การสนับสนุนนั้นเป็นไปด้วยจุดยืนและการกระทำของผม ไม่ใช่เป็นเพราะเราเคยมีสัมพันธ์กัน ผมหวังว่า เส้นทางอนาคตข้างหน้าของเราจะกลับมาพานพบกันในวันที่สังคมไทยได้มาซึ่งประชาธิปไตย”...

(ข้อมูลอ้างอิงจาก ที่นี่ไม่มีความลับ : เปิดสัมพันธ์ “ธนาธร” กับ “มติชน” แรงจูงใจสื่อข้างแดง! | โดย : เอราวัณ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3455 ระหว่างวันที่ 24-27 มี.ค. 2562)

แน่นอน, แทบไม่ต้องสงสัยว่า เหตุใดตัวละครที่โลดแล่นอยู่บนเวทีการเมืองและสื่อมวลชน จึงสอดรับกับการเคลื่อนไหวของ “ปิยบุตร-ธนาธร” ไม่ว่าจะในสภาและนอกสภา รวมทั้งผ่านพรรคการเมืองในสังกัด

เป็นที่รู้กันดีว่า “ปิยบุตร-ธนาธร” มีแนวความคิดทางการเมืองอย่างไร และเป็นที่รู้กันดีว่า เครือข่าย “ปิยบุตร-ธนาธร” นอกจากสายนักศึกษา เยาวชนคนรุ่นใหม่ สายนักวิชาการ สายนักการเมืองแล้ว สายสื่อมวลชน ก็ถือว่าไม่ธรรมดา อยู่ในระดับคุณภาพของประเทศเลยทีเดียว

ที่สำคัญ “ปิยบุตร” เขียนเรื่องนี้เผยแพร่ จะจงใจให้รู้หรือไม่ ว่า คอนเนกชันของพวกเขา ก็ไม่น้อยหน้าพรรคการเมืองใหญ่ทั้งหลาย แม้แต่ผู้กุมบังเหียนอำนาจรัฐอยู่ในเวลานี้ แต่มันเหมือนเป็นเช่นนั้น!?


กำลังโหลดความคิดเห็น