นายกรัฐมนตรีประชุม BCG ยกเกษตรอินทรีย์ลดโลกร้อน วาระแห่งชาติเร่งด่วน สร้างสินค้าแปรรูปแบบใหม่ เพิ่มมูลค่า-รายได้เกษตรกร ชี้รัฐบาลพร้อมหนุนทุกมิติ เดินหน้าขับเคลื่อนปี 64-69 มุ่งสู่ประเทศรายได้สูง
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model ) หรือ BCG ครั้งที่ 1/2564 ว่า วันนี้เป็นการประชุมที่เรากำลังจะพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง ตามที่เราตั้งไว้ซึ่งเราเป็นประเทศเกษตรกรรม พื้นที่ส่วนใหญ่และประชากรทำอาชีพเกษตรกรรม แต่สิ่งที่ทำมาคือทำมากแต่ได้น้อย วันนี้จึงต้องมาหาวิธีการใหม่ คือ ในเรื่องของการทำเกษตร BCG ที่มีหลายอย่างเกี่ยวข้อง และเราจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาที่สอดคล้องกับวาระของโลก ในเรื่องการลดขยะ ลดการใช้พลังงาน รวมถึงสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และภัยพิบัติ การประชุมวันนี้จึงเป็นการเสนอยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนในช่วงปี 2564-2569 ตนแนะนำคณะกรรมการไปให้ปฏิบัติสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ไปกำหนดมาว่าจะทำที่ไหนอย่างไร ทุกฝ่ายต้องมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าภาคธุรกิจ เอกชน ภาครัฐ วิสาหกิจ โดยเฉพาะเกษตรกร และประชาชน ที่เป็นต้นทางของกลไกและกระบวนทั้งหมด เราจะทำอย่างไรให้เกิดการแปรรูปสินค้าให้มีคุณภาพสูง แข่งขันได้ รวมถึงเรื่องสาธารณสุข การท่องเที่ยว โดยมีการหารือในคณะรัฐมนตรีมาแล้วว่าจะมีคณะกรรมการอย่างไรไปขับเคลื่อน เราต้องหาเป้าหมายตรงนี้ให้เจอ และขับเคลื่อนให้เร็วขึ้น หาทุนสนับสนุนให้มากขึ้น
“ผมเคยพบปะกับบรรดาลูกๆ หลานๆ ที่อยู่ตามถิ่นทุรกันดาน ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าเราจะนำทั้งหมดมาขับเคลื่อนด้วยกัน วันนี้จึงตัดสินใจว่าจะกำหนดให้การทำ BCG เป็นวาระแห่งชาติ เหมือนที่เคยกำหนดไว้ในนโยบายตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ คือ 4.0 วันนี้ก็ 4.0 แล้ว ซึ่งจะทำตรงนี้อีกอันถือเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลภายใน 5 ปี เราจะทำได้ และจะลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ และจะทำอย่างไรประทศไทยจะเป็นดินแดนแห่งความปลอดภัยในเรื่องสาธารณสุข นี่คือโอกาสของเรา เราจะทำอย่างไรให้เพิ่มมูลค่าการเกษตร และลดปัญหาโลกร้อนไปด้วย ซึ่งเกษตรอินทรีย์จะช่วยเรา เพื่อหารายได้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้เรื่องของค่าเงินบาทเราต้องระวังให้มากที่สุดไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป ฉะนั้นการลงทุนของเราต้องเพิ่มมากขึ้น ตนได้เน้นย้ำฝ่ายเศรษฐกิจไปแล้ว เรามีเงินอยู่พอสมควรที่เป็นเงินบาทในประเทศไทย ช่วงที่ผ่านมามีการลงทุน แต่วันนี้ลดลงเพราะสถานการณ์โควิด-19 เราจึงจำเป็นต้องใช้โอกาสตรงนี้ในการเตรียมความพร้อมมากที่สุด เป้าหมายรายปีต้องออกมาให้ได้ ไปหามาให้ได้อะไรที่เป็นเรื่องใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ๆ ต้องจัดทำ และรัฐบาลจะเป็นนำร่องตรงนี้ในทุกมิติ