โฆษก ปชป.ป้องประธานสภาผู้แทนฯ ยื่นสอบ “สิระ” ตรงไปตรงมาตาม รธน.มาตรา 82 แฉ 2 ส.ส.พท.ยึกยักถอนชื่อและขอยกเลิกทำให้ไม่ทัน เหตุศาล รธน.วินิจฉัยไม่รับคำร้องแล้ว สวน ส.ส.ก้าวไกลทำตัวเป็นเด็กอมมือ งอแงไม่ได้ดั่งใจ หลังกล่าวหาประธานสภาไม่เป็นกลาง
วันนี้ (11 ม.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอให้พิจารณาสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงหรือไม่ และมี ส.ส.หลายคนออกมากล่าวหาว่านายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้ทนราษฎร ทำหน้าที่ไม่ถูกต้องว่า สิ่งสำคัญต้องเคารพในดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้ดำเนินการตามกระบวนการวิธีพิจารณาคดี เหตุผลของคำวินิจฉัย คือ ส.ส.เข้าชื่อน้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่เนื่องจากมี ส.ส.2 คนขอถอนชื่อจึงทำให้เหลือ ส.ส.ที่เขาชื่อ 48 คน ถือว่าไม่ครบ 1 ใน 10 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82
นายราเมศกล่าวต่อว่า การยื่นคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ยื่นคำร้องขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสิระสิ้นสุดลงหรือไม่ โดยได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 63 มี ส.ส.ร่วมกันลงชื่อ 62 คนปรากฏว่ามี ส.ส.ถอนชื่อจากคำร้อง 10 คน และมีการตรวจลายมือชื่อโดยฝ่ายสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ไม่ตรงตามลายมือชื่อที่ได้ให้ไว้อีก 2 คน จึงเหลือ ส.ส.50 คน ถือว่าครบตามจำนวน 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค. 63 เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่ากระบวนการทั้งหมดของประธานสภาฯ มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 คำร้องที่ยื่นไปมีความสมบูรณ์ไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด และมีการแจ้งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทราบว่าได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว
นายราเมศกล่าวด้วยว่า แต่ปรากฏว่าในวันที่ 28 ธ.ค. 63 เวลา 14.45 น. และเวลา 14.50 น. มี ส.ส.2 คนได้ยื่นหนังสือขอถอนรายชื่อออกจากคำร้อง ซึ่งเลยเวลาที่เจ้าหน้าที่ได้ยื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว และเมื่อเจ้าหน้าที่สภาฯ รับหนังสือดังกล่าวก็ได้มีการส่งตรวจสอบลายมือชื่อตามกระบวนการ และได้นำเสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอนระบบราชการก็ได้มีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 ธ.ค. 63 เวลา 16.20 น. เพราะถือว่าเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้วการถอนชื่อต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยจะไปก้าวล่วงมิได้ แต่เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 64 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ยื่นเอกสารขอเพิ่มชื่ออีก 5 คน โดยหนังสือถึงสำนักงานประธาน เวลา 10.40 น. เจ้าหน้าที่ได้มีการส่งตรวจลายมือชื่อเวลา 13.00 น. ผลการตรวจสอบกลับมายังเจ้าหน้าที่วันที่ 7 ม.ค. 64 และมีการเสนอตามขั้นตอนราชการเสร็จเวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่สภาฯ ได้เดินทางไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญเวลา 15.50 น. แต่ปรากฏว่ามีข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ลงวันที่ 7 ม.ค. 64 ระบุว่าได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 64 ดังนั้น กรณีขอเพิ่มชื่อ ส.ส.อีก 5 คน ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่สามารถรับเข้าสู่สำนวนได้เพราะได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องไปแล้ว นอกจากนั้นยังมีกรณี 2 ส.ส.ที่ขอถอนชื่อไปแล้วนั้น ได้ทำหนังสือขอยกเลิกการถอนชื่อ ได้ยื่นถึงเจ้าหน้าที่สภาฯเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 64 ซึ่งเป็นกรยื่นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องแล้ว
“ข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเห็นได้ว่า นายชวนได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนที่ตรงไปตรงมา ถูกต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ทุกประการ การที่ ส.ส.ก้าวไกลกล่าวหานายชวนว่าวางตัวไม่เป็นกลาง ให้ทบทวนตัวเอง และต้องทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีของประมุขฝ่ายนิติบัญญัตินั้น ส.ส.ก้าวไกลคนนี้เป็นใคร คุณแน่ขนาดไหน ถึงมาพูดแบบนี้ ขอให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนออกมาพูด และควรกลับไปดูตัวเองว่าทำหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรี ความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยหรือไม่ ควรจะตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนมีการกล่าวหา ไม่ใช่พออะไรไม่ได้ดั่งใจก็ออกมาโวยวาย ออกมาโจมตี อย่าทำตัวเป็นเด็กอมมือ ให้ร้ายประธานสภาฯ อยู่เป็นประจำ หนึ่งนิ้วที่ชี้หานายชวน แต่อีก 4 นิ้วกลับชี้เข้าสู่ตัวเองทั้งหมด ดังนั้น ขอให้ทำตัวเองให้สมศักดิ์ศรีกับการเป็น ส.ส. จะดีกว่า ทำตัวเสมือนเป็นเด็กน้อยที่ไม่มีวุฒิภาวะ”
เมื่อถามว่า ก่อนที่จะมีการตัด 2 ชื่อที่ลายเซ็นไม่เหมือนกับที่ให้ไว้ต่อสำนักงานฯ ได้แจ้งให้ ส.ส.ดังกล่าวทราบหรือไม่ นายราเมศกล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่สภาฯ ได้ตรวจสอบเห็นว่ารายชื่อครบตามจำนวนแล้วส่งไปตามขั้นตอน และตามปกติไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ ส.ส.ที่ถูกตัดชื่อทราบ เพราะไม่มีผลอะไรเนื่องจากจำนวนครบแล้ว