“ธรรมนัส-นฤมล” พร้อมใจบินลงนครศรีฯ-สุราษฎร์ฯ เยี่ยมเกษตรผู้ประสบอุทกภัย แจกถุงยังชีพเพื่อเยียวยาความเดือดร้อน และมอบหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เผย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ห่วงใย กำชับเร่งสำรวจความเสียหายและดูแลเต็มที่
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. เวลา 07.30 น. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ อาทิ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ดร.ธนสาร ธรรมสอน ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ออกเดินทางโดยเครื่องบินกองทัพอากาศ จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ก่อนนั่งเฮลิคอปเตอร์ ต่อไปยังจุดจอด ฮ. โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเดินทางต่อโดยรถยนต์ ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง โดยมีนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับ
จากนั้นได้พบปะเกษตรกร โดยร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า ตั้งใจจะมาหาพี่น้องประชาชน ตั้งแต่ 09.30 น. เดินทางมาจากสนามบินดอนเมืองใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ เข้าใจว่าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงคงจะถึง แต่ปรากฏว่าใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงทำให้เดินทางมาหาช้ากว่าปกติต้องขออภัย ทั้งนี้ตนเพิ่งเดินทางมาจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวอำเภอหัวไทร และไม่คิดว่าจะต้องรีบเดินมาจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกครั้ง จริงๆ ไม่อยากให้เกิดปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติอย่างนี้เลย ความเสียหาย ผลกระทบจากน้ำท่วมกว่า 4,000 หลังคาเรือน มีพี่น้องเสียชีวิต 21 ราย เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ธรรมชาติเราไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าจะมาเมื่อไหร่ จะมาดีหรือร้าย ตนพึ่งมาแก้ปัญหาความเดือดร้อนเรื่องภัยแล้งให้กับชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชเพียงไม่กี่วัน ไม่คิดว่าจะต้องมาเยี่ยมพี่น้องชาวอำเภอปากพนังซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงจากภัยธรรมชาติ เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมในครั้งนี้
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวอีกว่า เวลานี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย ซึ่งมีหน่วยงานในพระองค์มาเยี่ยมเยือนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น วันนี้ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลขอให้กำลังใจทุกท่านที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ถุงยังชีพยังเป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนต่างๆ ที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นการเยียวยาในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้สั่งการไปยังเกษตรจังหวัดให้เร่งสำรวจความเสียหายทุกครัวเรือนส่วนกระทรวงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคงของมนุษย์ ก็จะมีสถาบันความมั่นคงของมนุษย์มาดูแลซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเข้ามาร่วมดูแลด้วย
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวอีกว่า รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความเป็นห่วงหลังจากที่เดินทางมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้มีโอกาสคุยกับนายกรัฐมนตรี ท่านมีความเป็นห่วงพี่น้องชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ตั้งใจที่จะมาเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวอำเภอปากพนัง แต่ติดภารกิจสำคัญที่ต้องประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหลายๆ ประเทศที่มาประชุม ดังนั้นได้มอบหมายให้ตนและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางมาเยี่ยมพี่น้องประชาชน โดยตนได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อลงในพื้นที่จุดที่เดือดร้อน และจะเดินทางไปในจุดรับน้ำสำคัญ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้โทรศัพท์บอก ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเสมอว่า ต้องเร่งเข้าดูแลประชาชนได้รับผลกระทบในพื้นที่กรมชลประทาน จะหาทางแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเพื่อให้มีการก่อสร้างอย่างเป็นระบบรองรับน้ำฝนที่ตกลงมาได้อย่างเต็มที่
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า และวันที่ 16-17 เดือนธันวาคมนี้ ทราบว่าฝนจะตกลงมาอีกรอบ อยากให้พี่น้องประชาชนเตรียมความพร้อมไว้ ท่าน พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ตนประสานไปยังสถาบันพัฒนาชุมชนให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งบ้านเรือนประชาชนผู้เสียหายกว่า 4 วันหลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาซ่อมแซมให้ ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง ต้องสร้างใหม่ก็เช่นเดียวกัน
“เราต้องเอาชนะธรรมชาติอยู่กับธรรมชาติให้ได้ วันนี้พวกเรามีกำลังใจให้พวกท่าน คนไทยเราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่ลำบากและมีปัญหา โดยกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะลงมาช่วยพี่น้อง ในส่วนของนายกรัฐมนตรีได้สั่งการงบประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเบื้องต้นแล้ว หลังการเข้าช่วยเหลือเยียวยา ผมจะกลับมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนอีกครั้ง”ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวและว่า บทเรียนครั้งนี้หน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำ จะนำไปแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป
ด้านนางนฤมล กล่าวว่า ขอเรียนพี่น้องประชาชนทุกคน นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงจังหวัดนครศรีธรรมราชและหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้จากผลกระทบน้ำท่วม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และตนเองมาดูแลประชาชน ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็มีความเป็นห่วงและอยากมาเอง แต่ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมาได้ แต่ได้ฝากให้ลูกพรรคมาช่วยดูแลประชาชน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานทั้งหลายในพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการตามระเบียบที่จะช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้เร็วที่สุด ในส่วนที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงแรงงาน ขอยืนยันทางกระทรวงจะเร่งเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ โดยจะเร่งชดเชยรวมทั้งประสานความช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย ส่วนความเสียหานในเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าและรถยนต์รถมอเตอร์ไซค์ กระทรวงแรงงานจะส่งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน มามาช่วยซ่อม โดยช่างมืออาชีพ
นางนฤมล กล่าวว่า พร้อมกันนี้กระทรวงแรงงานจะเข้าไปหาอาชีพเสริมให้ โดยพัฒนาทักษะอาชีพเสริมให้ประชาชนมีรายได้นอกเหนือไปจากเงินเยียวยา เพราะเงินเยียวยาที่ได้มาไม่มากเท่ากับการขายพืชผลการเกษตร ทางกระทรวงแรงงานจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ทั้งนี้ อยากเรียนว่ารัฐบาลทุกคนรวมถึงนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงพี่น้องมาก โดยกำชับให้รัฐมนตรีทุกคนเข้ามาช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มที่ และเราก็จะไปอีกหลายจุด อยากจะให้กำลังใจพี่น้องประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตตรงนี้ไปด้วยกัน และหวังว่าปีหน้าคงจะบริหารจัดการได้ดีกว่านี้ ซึ่งในปีนี้ก็ดีกว่าปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับบ้านเรือนที่เสียหายทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสำรวจและเข้ามาซ่อมแซม ขอให้อดทน หากมีตรงไหนที่ยังตกหล่นไม่ได้รับการช่วยเหลือขอให้ติดต่อกับหน่วยงานในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ ส.ส.ในพื้นที่ และรายงานขึ้นมาเราจะเร่งดำเนินการ
จากนั้นได้แจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัยจำนวน 500 ชุด พร้อมมอบหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้แก่ประชาชน ก่อนเดินทางต่อไปยังวิทยาลัยการอาชีพ ตำบลนาสาร อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยพบปะเกษตรกรผู้ประสบภัย และแจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย จำนวน 500 ชุด และเดินทางต่อไปยังที่ว่าการอำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ โดยร้อยเอก ธรรมนัส และนางนฤมลได้พบปะเกษตรกรผู้ประสบภัย และแจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย จำนวน 500 ชุด
ขณะที่ในช่วงบ่าย จะเดินทางต่อไปยังชุมชนคลองไทรพัฒนา ตำบลไทรทอง อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมชมการบริหารจัดการพื้นที่ชุมชน ก่อนประชุมหารือ มอบนโยบายแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ ส.ป.ก. (ชุมชนคลองไทรพัฒนา ชุมชนก้านใหม่ และชุมชนสันติพัฒนา)
