โฆษกรัฐบาล เผย ครม.พร้อมขับเคลื่อนแผนแม่บทเฉพาะกิจฯ โควิด-19 ด้วยบันได 3 ขั้น คือ อยู่รอด-พอเพียง-ยั่งยืน มุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน
วันนี้ (8 ธ.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 พ.ศ. 2564-2565 (ฉบับสมบูรณ์) รวมทั้งแนวทางขับเคลื่อน (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ให้หน่วยงานของรัฐนำไปเป็นกรอบจัดทำโครงการ/การดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2565 บรรเทาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง มุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน รองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ โดยมีหลักการสำคัญ คือ ล้มแล้ว ลุกไว (Resilience) ให้คนสามารถยังชีพอยู่ได้ มีงานทำ กลุ่มเปราะบางได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง สร้างอาชีพและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ และมีการวางรากฐานเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ (Economic Transformation)” ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอเชิงนโยบายและข้อเสนอการดำเนินการจากองค์กรพัฒนาระหว่างประเทศที่สำคัญ เช่น รายงาน Consolidated Socio-Economic Impact Assessment of COVID-19 in Thailand ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) รายงาน Navigating COViD-19 in Asia and the Pacific ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) และ Thailand Economic Monitor : Thailand in the Time of COVID-19 ของธนาคารโลก (World Bank) อีกด้วย
(ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ ประกอบด้วย 3 มิติ และ 4 ประเด็นการพัฒนา 3 มิติการพัฒนา คือ การพร้อมรับ (Cope) คือ สามารถบริหารจัดการภายใต้สภาวะวิกฤติ ยืนหยัดและต้านทานความยากลำบาก รวมถึงฟื้นคืนกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว การปรับตัว (Adapt) คือ ปรับทิศทาง รูปแบบและแนวทางการพัฒนาสอดรับกับความเปลี่ยนแปลง กระจายความเสี่ยงและปรับตัวอย่างเท่าทันแสวงหาประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน (Transform) เปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและปัจจัย พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ภายใต้หลัก 3 ขั้นการพัฒนา ได้แก่ survival (การอยู่รอด) Sufficiency (พอเพียง) และ Sustainability (ยั่งยืน) เพื่อประเทศมุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน
4 ประเด็นการพัฒนาที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในระยะ 2 ปีข้างหน้า ได้แก่ - การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ (Local Economy) ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาต่างประเทศ-การยกระดับขีดความสามารถของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว (Future Growth) ส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่ประเทศไทยมีโอกาสและศักยภาพภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงและบริบทโลกใหม่ที่ปรับเปลี่ยนไป - การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ (Human Capital) ยกระดับ ปรับทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและโครงสร้างเศรษฐกิจที่ปรับเปลี่ยนไป พร้อมทั้งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤต - การปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ (Enabling Factors) ให้สอดรับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้แนวทางการดำเนินการขับเคลื่อน (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้สามารถดำเนินการบูรณาการได้และสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คระรัฐมนตรีจึงเห็นชอบให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใช้แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์)เป็นกรอบในการจัดทำโครงการ/การดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2565 เพิ่มเติมจากโครงการสำคัญประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 250 โครงการ ที่เป็นโครงการที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ (Top Priorities) ภายใต้แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ให้ทันต่อคำของบประมาณประจำปี 2565 ต่อไป และให้สำนักงบประมาณใช้แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) เป็นกรอบในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณของโครงการประจำปีงบประมาณ 2565 ร่วมกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 23 ประเด็น ในปัจจุบัน