นายกฯ เปิดงานมอบนโยบายขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล โวไทยประสบความสำเร็จนำเทคโนโลยีรับมือวิกฤตโควิด-19 ขอทุกหน่วยงานยึดหลักเปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น บอกมีความสุขเห็นสิ่งดีๆเกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฝากขำๆ เรียกยังไงแน่ “ดิจิทัล หรือดิจิตอล”
วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล และแสดงความยินดีแก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัลพร้อมทั้งมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2563 “DG Awards 2020” โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัล ขอชื่นชมความมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนหน่วยงานของตัวเองสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเป็นการยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐ เชื่อมโยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐต่อประชาชน วันนี้ทุกคนทราบดีโลกเดินหน้าสู่ 4.0 และกำลังเป็น 5.0 ถือว่าโชคดีที่เรามีการเตรียมความพร้อมจนก้าวหน้าในปัจจุบันและต่อไปไม่สิ้นสุด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ เราได้รับการจัดอันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เป็นอันดับ 3 ของอาเซียนและอันดับ 57 ของโลก จึงขอบคุณทุกหน่วยงานที่ขับเคลื่อนจนเป็นที่ประจักษ์ในเวทีสากล โดยถือเป็นภารกิจหนึ่งในการเป็นรัฐบาลดิจิทัล ขณะเดียวกัน รัฐบาลส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐจัดทำข้อมูลเปิดเผยผ่านมาตรฐานเดียวกัน จึงขอให้ทุกหน่วยงานยึดหลักเปิดเผยเป็นหลักปกปิดเป็นข้อยกเว้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมตรวจสอบภาครัฐ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิดทำให้หน่วยงานภาครัฐต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยนสู่การให้บริการออนไลน์กับประชาชน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการรับมือจากสถานการณ์วิกฤตได้เป็นอย่างดีและตอบสนองภาวะวิกฤตอย่างทันท่วงที สถานการณ์โควิดจึงเป็นจุดเปลี่ยนในการขับเคลื่อนสู่รัฐบาลดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลดิจิทัลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะสำเร็จได้หากทุกหน่วยงานต้องปรับเปลี่ยนทุกระดับด้วยการใช้เทคโนโลยีมาปรับใช้ รวมถึงทัศนคติและระบบคิดเชิงบูรณาการ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยมีเป้าหมายประเทศ 4 ด้าน ได้แก่ 1. การลดความเหลื่อมล้ำ 2. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 3. การทำงานของภาครัฐที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ และ 4. การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงขอให้หน่วยงานภาครัฐให้ความสำคัญต่อแผนดังกล่าว โดยปรับแผนงานให้สอดคล้อง พร้อมขจัดข้อขัดแย้งความท้าทายในการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วย และต้องคิดว่าทำอย่างไรต่อไปเพื่อยกระดับให้เราเป็นประเทศชั้นนำให้ได้ สิ่งสำคัญคือ ความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างภาครัฐและประชาชนให้ได้ โดยการการเปิดเผยข้อมูลถือเป็นความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ โดยเฉพาะโลกยุคใหม่นิวนอร์มัล หากทำแบบเดิมยึดกฎหมายเดิมๆ ก็จะเกิดความขัดแย้ง ทำอะไรไม่ได้ปลดล็อกอะไรก็ไม่ได้ ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลยซึ่งเป็นสิ่งที่ตนประสบมาตลอดและพยายามแก้
นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ได้ให้นโยบายกระทรวงดีอีเอสในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและให้จัดทำข่าวกลาง แต่เรื่องสิทธิส่วนบุคคลก็ยังมีอยู่ นอกจากนี้ หัวหน้าหน่วยงานต้องมีความเข้าใจและสามารถชี้แจงประชาชนได้ ไม่เช่นนั้นทำอะไรไปแล้วประชาชนไม่ได้ใช้ ก็ไม่รู้จะทำไปทำไมเหมือนกัน ทั้งนี้ ตนมีนโยบายว่าเราจะใช้ดิจิทัลในการแก้ปัญหาความยากจนให้แก่คนไทยเช่นกัน โดยต้องคิดว่าทำไปแล้วให้ประชาชนใช้ประโยชน์อย่างไร และที่ทำไปให้อะไรแก่ประชาชน ที่สำคัญทำอย่างไรให้ได้รับความไว้วางใจ นั่นคือหน้าที่ของทุกคน นอกจากนี้ พบว่ายังมีบางหน่วยงานที่ไม่ตอบแบบสอบถาม จึงให้ไปจัดเกณฑ์พิจารณาดูว่าควรมีต่อไปหรือไม่หน่วยงานนี้ทำงานต้องทำเช่นนี้ไม่เช่นนั้นก็จะอืดอาด ซึ่งการทำงานต้องให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวว่า ตอนขอฝากขำๆ ว่าคำว่า “ดิจิทัล” อ่านว่ายังไงกันแน่ ดิจิทัล, ดิจิทอล หรือดิจิตอล หลายคนยังเรียกไม่เหมือนกัน ให้เปิดพจนานุกรมกันดูจะได้พูดเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับรางวัล ยินดีทุกครั้งที่ทำงานแล้วมีผลสัมฤทธิ์เป็นระยะ ตนมีความสุขทุกวัน ประเทศและประชาชนมีความสุข สิ่งดีๆ เกิดขึ้นเยอะ ถ้าคิดว่าหลายปีที่ผ่านมาคิดแบบเดิมทำแบบเดิมก็เท่ากับเราไม่พัฒนาตัวเองเลย