ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ช่อ” จะว่ายังไง?? แฉไอโอทหาร โดนจับโป๊ะย้อนเกล็ด ไอโอฝั่ง 3 นิ้ว งามไส้กว่า “ชักศึกเข้าบ้าน” ใช้เครือข่ายนอกโยงกลุ่มฮ่องกง-หนุนอุยกูร์ ปั่นกระแส !!
จากที่ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ออกมาบี้เรื่อง IO (Information Operation) ของทหาร แบบกัดไม่ปล่อยเพื่อ “ด้อยค่า” ฝั่งรัฐบาลว่าใช้วิชามาร ทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายประชาธิปไตย รวมไปถึงกลุ่มคณะราษฎร หรือม็อบ 3 นิ้ว
พูดถึงเรื่องนี้ “ช่อ” คงลืมไปว่าในสังคมโซเชียลฯ โดยเฉพาะทวิตเตอร์สื่อโซเชียลฯฝ่ายประชาธิปไตยของ “ช่อ” และ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ก็นิยมใช้ทำ “ไอโอ” เช่นกัน ทั้งการส่งแคมเปญ และปั่นกระแสช่วงเลือกตั้งจนประสบความสำเร็จ มีเด็กๆ และเยาวชนติดตามเป็นจำนวนมาก
กระทั่งมาถึงยุคของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีการทำไอโอผ่านแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์เยาวชนปลดแอก (@FreeYOUTHth) แต่การเคลื่อนไหวล่าสุด มีคน “จับโป๊ะ-โป๊ะแตก” โดยเฟซบุ๊ก “Suphanat Aphinyan” ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาโพสต์ข้อความที่น่าสนใจระบุว่า การ Retweet ของ “เยาวชนปลดแอก” พบว่า เกือบ 80% มาจากนอกประเทศ !!
ว่ากันว่า การจับโป๊ะไอโอของกลุ่มนี้ มาจากการพบว่า มีความผิดปกติเพราะมีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ บอต มาทำ IO หรือ Information Operation
ในทุกๆ ครั้งที่ @FreeYOUTHth ใช้งานทวิตเตอร์ จะมีการแชร์ หรือรีทวีต (Retweet) ภายใต้แฮชแท็กเดียวกันซ้ำๆ เพื่อให้แฮชแท็กที่ต้องการสามารถติดเทรนด์ขึ้นเป็นกระแสบนทวิตเตอร์ในปริมาณมากอย่างรวดเร็ว มุ่งหวังทำให้สังคมไทยหลงเข้าใจผิดว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศเห็นด้วยกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก ผู้เป็นเจ้าของแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ @FreeYOUTHth และหัวหอกสำคัญในการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร
แต่หลังจากที่มีการตรวจสอบข้อมูลและเข้าไปดูในรายละเอียดเชิงลึกก็พบว่า @FreeYOUTHth มีขบวนการรีทวิต ปั่นกระแสปลอมจำนวนมาก ที่เชื่อได้ว่าไม่ได้มาจากฝีมือของมนุษย์ แต่เกิดจากการปั่นกระแสโดยใช้เทคโนโลยีที่อาศัยกลุ่มคนที่มีความชำนาญระดับสูงจากต่างประเทศ เพื่อให้สำเร็จตามความประสงค์ที่ต้องการ ในการชี้นำทางความคิดเชิงปริมาณ ผ่านยอดของการปั่นแฮชแท็กในทวิตเตอร์ ซึ่งมีการสร้างขึ้นอย่างบิดเบือน ทำให้คนไทยที่รู้ไม่เท่าทันจำนวนหนึ่ง หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของการหลอกใช้ทางการเมือง โดยที่ 76.69% ของการรีทวีต เกิดขึ้นภายนอกประเทศ ในขณะที่เพียง 23.31% เท่านั้น ที่เกิดขึ้นจากการปั่นกระแสภายในประเทศ
ว่ากันว่า การจะทำแบบนี้ได้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเขียนโปรแกรมซึ่งมีอัลกอริทึมสั่งการให้ “ระบบคลาวด์” หรือ ระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทำการรีทวีตแทนมนุษย์ และอาศัยความได้เปรียบนี้มาปั่นกระแสโซเชียลฯ เชิงปริมาณ เพื่อสั่นคลอนความมั่นคงของประเทศ ยุยงปลุกปั่นคนภายในประเทศให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างเป็นระบบ ผ่านการชักจูงให้หลงเชื่อว่ากระแสโซเชียลฯ ที่ถูกสร้างขึ้น เป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่เป็นความเห็นของคนแค่ไม่กี่คน
งานนี้ก็ต้องบอกว่า ทำกันเป็นขบวนการ โดยในประเทศไม่พอ พอตรวจลึกลงไปพบการใช้งานทวิตเตอร์ของ บรรณาธิการสำนักข่าวต่างประเทศ บรรดานักเคลื่อนไหวที่เรียกร้องเอกราชให้กับฮ่องกง และอุยกูร์ เป็นแกนหลักสำคัญในการรีทวีตให้กับ @FreeYOUTHth และยังมีบอตอีกจำนวนมากมารับช่วงต่อในการรีทวีตอีกชั้นหนึ่ง เพื่อหลบหลีกระบบตรวจจับบอตของทวิตเตอร์ ไม่ให้ถูกบล็อกการใช้งาน จึงทำให้ขบวนการนี้สามารถปั่นแฮชแท็ก ที่ตัวเองต้องการให้ติดกระแสได้อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ดังที่เห็นๆ กัน
ประเด็นนี้ ที่สงสัยและตั้งข้อสังเกตกันว่า “ม็อบ 3 นิ้ว” มีขบวนการเครือข่ายต่างชาติร่วมมือสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงก่อนหน้านี้ที่ม็อบมี “ธง” และ กลุ่มเรียกร้องเอกราชฮ่องกง และ อุยกูร์ เข้าร่วมชุมนุม...
จาก “โป๊ะแตก” ไอโอครั้งนี้ ก็พอจะบ่งบอกได้ว่า งานนี้เป็นการ “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” พยายามปั่นข้อมูลกับชุดความคิดที่บิดเบือน ชี้นำสังคมจากขบวนการปั่นกระแสโซเชียลฯ ด้วยเทคโนโลยีแบบผิดๆ เพื่อปลุกม็อบแล้วชักใยเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเห็นแก่ตัว
งานนี้ท้าทายไปถึง “ช่อ” จะว่าอย่างไร ควรนำข้อมูลจับโป๊ะไอโอกลุ่มนี้ แถลงข่าวให้สังคมได้รับรู้เพิ่มเติมโดยทั่วถึงกันด้วยหรือไม่ เพื่อความยุติธรรม เพื่อความเป็นประชาธิปไตยอย่างที่เรียกร้องกัน !!
** “กวิ้น” ห้าวเกินพิกัด ด่ากราดหลังศาล รธน. มีมติเอกฉันท์ “ลุงตู่” อยู่บ้านหลวงไม่ผิด ...ก็อยากให้ดู “โจชัว หว่อง” ไว้เป็นอุทาหรณ์ ที่วันนี้ถูกศาลฮ่องกง ตัดสินจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 ว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พักอาศัยบ้านหลวง หลังเกษียณอายุราชการ ไม่ผิดกฎหมาย
ด้วยเหตุผลว่า ตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าของคณะรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ยังมีฐานะเป็นผู้นำของประเทศ ความปลอดภัยของนายกฯและครอบครัว จึงมีส่วนสำคัญ รัฐมีหน้าที่จัดการดูแลให้ปลอดภัยแก่นายกฯและครอบครัว ตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกาย และจิตใจ เพื่อการปฏิบัติภารกิจในการบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ส่วนรวม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักของผู้นำของประเทศในขณะที่ดำรงตำแหน่ง...
ช่วงก่อนมีคำตัดสินออกมา ทั้งฝ่ายค้าน และบรรดาแกนนำม็อบ ต่างโพสต์สร้างปลุกเร้า กระแสว่า “ลุงตู่” ไม่รอดแน่ ...เมื่อศาลฯมีมติออกมาเช่นนี้ จึงออกมากระหน่ำศาลฯ กันอย่างดุเดือด
โดยเฉพาะในรายของ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ถึงกับโพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะ “ด่ากราด” ว่า... “ประยุทธ์รอดวันนี้ คงเพราะมันห้อยพระดี ไม่ได้ห้อยแค่พระรอด แต่ห้อยพระมหา... #ศาลรัฐธรรมนูญ #ม็อบ 2ธันวา”
“ไม่ใช่แค่ขอแจก...ให้ประยุทธ์ ให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ขอแจกให้ทุกตัวในคอกสุนัข รวมถึง...ด้วย”
หรืออย่าง “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก ที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นแกนนำ และหัวหน้าการ์ดคนใหม่ของม็อบ ก็ประกาศว่า เมื่อศาลฯมีคำตัดสินออกมาอย่างนี้ เท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟให้มวลชน และไม่ใช่แค่ “สถาบันฯ” ที่ต้องปฏิรูป แต่ต้องปฏิรูปทั้ง “3 สถาบันฯ”
เพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH ก็โพสต์ข้อความว่า “การต่อสู้ในครั้งนี้ยังไม่จบ ในเมื่อทำอะไรก็ไม่ผิด ประเทศนี้ก็กำลังจะเดินไปสู่จุดแตกหัก!”
ส่วนการชุมนุมของ “คณะราษฎร” ที่ห้าแยกลาดพร้าว ในช่วงค่ำวันเดียวกันนี้ บรรดาแกนนำต่างปราศรัยโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ และมีการแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ ด้วยการ “ทุบศาล”
ขณะที่ “ชัยธวัธ ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ก็ออกมาแถลงในเชิงตั้งคำถามว่า ... การตีความกฎหมายในประเทศนี้เป็นเรื่องของอำนาจ ไม่ใช่เรื่องของระบบนิติรัฐ หรือไม่ คำวินิจฉัยครั้งนี้ชวนให้ประชาชนตั้งคำถามว่า คนมีอำนาจในประเทศนี้มักได้รับข้อยกเว้นจากการรับผิดตามกฎหมายหรือไม่ และสรุปว่า ... องค์อิสระต่างๆ ได้กลายเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง ในการค้ำยันรักษาอำนาจของผู้มีอำนาจที่สืบทอดมาจากรัฐประหาร หรือกลายเป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูของผู้มีอำนาจเท่านั้น!!
ส่วน “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ยื่นคำร้องให้มีการตรวจสอบนายกฯในเรื่องนี้ ก็บอกว่า คำวินิจฉัยไม่ตรงกันกับข้อเท็จจริงที่ได้ยื่นไป โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ว่า นายกฯ ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งที่นายกฯ คนก่อนๆ ก็พักบ้านพักส่วนตัว และได้รับการดูแลจากรัฐ ไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษอย่างใด...
คนกลุ่มนี้มักบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย... แต่พฤติกรรม การแสดงออก กลับไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นองค์กรอิสระ ตามระบบบอบประชาธิปไตย ที่คำตัดสินของศาลฯ เป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร
ที่สำคัญคือ หากมีการวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะ “ละเมิดอำนาจศาลฯ” ถือว่ามีความผิดทางอาญา!!
ซึ่งบังเอิญในวันเดียวกันนี้ศาลฮ่องกง ได้ตัดสินลงโทษ “โจชัว หว่อง-แอกเนส โจว และ อีแวน ลัม” 3 แกนนำ ขบวนการขัดขืน และเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ในความผิดหลายกระทง โดย “หว่อง” ถูกลงโทษจำคุก 13 เดือนครึ่ง ขณะที่ “โจว” คุก 10 เดือน ส่วน “ลัม” โดนไป 7 เดือน
ก็อยากให้ “กวิ้น” และพวกพ้องแนวร่วมดูไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า การห้าวเกินพิกัด จนมีคดีเป็นหางว่าวนั้น เมื่อถึงที่สุดแล้วจะจบอย่างไร