นายกฯ-รมว.อุตฯ เสนอ ครม.ชะลอโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ ให้ทบทวนผลกระทบค่ายรถ แผนส่งเสริมการขาย รองนายกฯ ย้ำความพร้อมยังไม่ชัดเจน ยังไม่ได้ข้อสรุป ย้ำให้ปรึกษากับผู้ประกอบการรถยนต์ว่าจะออกมาแบบใด หรือจำนวนที่จะมีให้เป็นส่วนที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจซื้อรถใหม่จะเป็นอย่างไร
วันนี้ (1 ธ.ค.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ตอบคำถามสั้นๆ ถึงโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ว่า “ความพร้อมของเรายังไม่ชัดเจน และยังไม่ได้ข้อสรุป”
ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ชะลอมาตรการนี้ออกไปก่อนเพราะมีรายละเอียดมาก ขณะที่ ครม.มีการสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม ปรึกษากับผู้ประกอบการรถยนต์ว่าจะออกมาแบบใด หรือจำนวนที่จะมีให้เป็นสว่นที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจซื้อรถใหม่จะเป็นอย่างไร
เช่นเดียวกับมีรายงานระบุว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้ขอให้ชะลอโครงการนี้ออกไปก่อน เพราะต้องหารือเรื่องผลกระทบต่อผู้ประกอบการก่อน
“ประชาชนที่กำลังสับสนว่าจะมีโครงการนี้หรือไม่ จึงมีความชัดเจนว่าจะยังไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายจากโครงการนี้ ค่ายรถที่รอการส่งเสริมการขายจึงต้องชะลอไปก่อน”
สำหรับโครงการรถแลกแจกแถม หรือรถเก่าแลกรถใหม่ 1 แสนคัน ข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในที่ประชุมเมื่อ 27 พ.ย. มีการแลกเปลี่ยนความเห็นว่าค่ายรถยนต์เอกชนต้องสนับสนุนส่วนลด 2% และอุดหนุนค่ากำจัดซาก 1% ของราคาขายรถใหม่, มีค่าใช้จ่ายจากการซื้อ xEV (HEV PHEV และ BEV) สามารถนำไปหักภาษีเงินได้ส่วนบุคคล (PIT)
รัฐบาลสามารถหักลดหย่อนได้คิดเป็นเงินส่วนลด 3% ของราคาขายรถใหม่ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท, รัฐต้องก่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้เกิดกิจการจัดการซากรถเก่า, กระทรวงคมนาคมต้องเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อยกเลิกทะเบียนรถเก่า และรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 10-12 ปี จึงจะสามารถเข้าสู่เงื่อนไขรถแลกแจกแถมได้
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่กำลังพิจารณา คือ รถใหม่ที่จะเข้าโครงการจะต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ และรถยนต์ที่เป็นรถไฟฟ้า (EV) เพื่อช่วยลดปริมาณมลพิษทางอากาศและ PM 2.5 รวมถึงเรื่องส่วนลดราคารถยนต์ใหม่
ทั้งนี้ ส่วนลดราคารถยนต์ใหม่ ภาครัฐจะใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาใช้สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ แต่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ยังคงมีอยู่