“ดร.กิตติธัช” แฉ “ขบวนการทำลายภาพลักษณ์สถาบันกษัตริย์” ปูดขายพระแก้วมรกต สร้างเรื่อง ขายชาติ/ทรยศชาติ “พระมหาไพรวัลย์” เปิดที่มา “เอ๋ ปารีณา” เอาผิด ประธานลี้ภัยปลุก กล้าสู้ กล้าเอาชนะ “โตโต้” สู้ยอมหักไม่ยอมงอ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 พ.ย. 63) เฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ของ ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้านปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ที่มาของข้ออ้างของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ว่า ร.7 ทรงมีพระราชประสงค์ในการเอาพระแก้วมรกตไปขาย มาจากการเขียนบทความอันหนึ่งในย่อหน้าเล็กๆ ของหนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 22 ม.ค.1935 ซึ่งเอาจริงๆ แทบจะอ้างอิงอะไรไม่ได้ นอกจากเป็นการอ้างของนักเขียนข่าวเท่านั้นเอง
จากเนื้อข่าวจะทราบว่า เป็นการอ้างถึงความคับข้องใจของรัชกาลที่ 7 ต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยในเวลานั้น ในเรื่องพระราชอำนาจเกี่ยวกับโทษประหาร ซึ่งหากไม่คลี่คลาย ท่านอาจจะสละราชสมบัติและไม่กลับประเทศไทยอีก
ในขณะที่ย่อหน้าต่อมาเขียนว่า “กลุ่มผลประโยชน์ในอังกฤษบอกว่า สนใจจะซื้อนู้นซื้อนี่ ซึ่งรวมถึงพระบรมมหาราชวัง และพระแก้วมรกต ซึ่งอ่านดีๆ จะทราบว่าย่อหน้านั้นเป็นการบอกว่า “มีคนสนใจอยากซื้อ” แต่ไม่มีสักคำที่บอกว่า “ท่านมีประสงค์จะเอาสมบัติชาติไปขายเลย” จะมีก็แค่สำนักข่าวที่เอาไปจั่วหัวเพื่อเรียกเรตติ้ง ก็เท่านั้นเอง
#ดังนั้น อย่าทึกทักเอาเอง
หมายเหตุ : หากดูกระบวนการปั่นกระแสดังกล่าว จะทราบว่า นี่คือการสร้างเรื่องเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของกษัตริย์ เช่นเดียวกับสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ทำให้ภาพของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เป็นกษัตริย์ขายชาติ/ทรยศต่อชาติ เพื่อลดความชอบธรรมของกษัตริย์ต่อสาธารณชน”
ขณะเดียวกัน จากกรณี เพนกวิน แกนนำกลุ่มม็อบคณะราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่า เมื่อครั้งอดีตมีความพยายามจะเอาพระแก้วมรกตไปขาย ทำให้ พระมหาไพรวัลย์ วรรณบุตร พระเซเลปนักเคลื่อนไหวการเมือง โพสต์ถามว่า “เอาข้อมูลมาจากไหนว่าเคยจะขายพระแก้วมรกต ขอหลักฐานอ้างอิง”
วันนี้ พระมหาไพรวัลย์ โพสต์ภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 22 มกราคม 1935 โดยพระชื่อดังระบุว่า ขอบคุณที่โยมหลายท่านส่งข้อมูลมาที่อาตมาเคยถามเรื่อง...จะขายพระแก้วมาให้ ว่าแต่เขาเขียนว่าไงหรอ อาตมาอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก
หลังจากนั้น พระมหาไพรวัลย์ โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า มีคนแปลให้แล้วนะ เป็นข้อมูลเนื้อหาที่ครบถ้วน โยมอ่านและใช้วิจารณญาณในการพิจารณาเอาเองแล้วกัน
กรุงเทพ, สยาม, วันอังคารที่ 22 ม.ค. (AP) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ขู่จะขายทรัพย์สมบัติสยามจำนวนมหาศาลของท่านในการเคลื่อนไหวนาทีสุดท้าย เพื่อจะนำรัฐบาลกลับสู่แนวทางที่ต้องการ ตามการรายงานวันนี้โดยสำนักข่าวที่เชื่อถือได้
ตามรายงานระบุ ท่านได้พูดว่าจะออกจากประเทศตลอดไปถ้ารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในคำขาดเมื่อเดือนตุลาคม ที่เรียกร้องให้คืนพระราชอำนาจในการควบคุมบทลงโทษประหารชีวิตให้กับสถาบันกษัตริย์
มีรายงานว่า กลุ่มผลประโยชน์ของอังกฤษจะเต็มใจที่จะซื้อทรัพย์สินของพระองค์ ซึ่งไม่ได้มีเพียงวัง เทวสถานที่มีความงดงามตามแบบตะวันออก และที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แต่ยังมีพระแก้วมรกตด้วย อัญมณีอันเลื่องชื่อชิ้นนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจและภาพแห่งความรุ่งเรืองของประเทศสยาม มันเป็นหินที่งดงามชิ้นใหญ่โตที่ถูกฝังไว้ที่ส่วนหน้าผากของพระพุทธรูปและเป็นทรัพย์สินของกษัตริย์
ทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์นั้น ให้ดอกผลเป็นรายได้ห้าแสนดอลลาร์ต่อปี
ขณะนี้พระองค์อยู่ในอังกฤษ ที่ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดพระจักษุเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ผู้แทนทางการทูตของสยามได้เดินทางไปกรุงลอนดอน เพื่อเตรียมการกราบบังคมทูลเชิญให้ทรงเดินทางกลับ แต่พวกเขายังกระจัดกระจายอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนในยุโรป ขณะที่รัฐบาลกำลังร่างคำตอบสำหรับข้อเรียกร้องที่เป็นคำขาดของพระองค์
ปัญหานี้เริ่มต้นจากการใช้กำลังระหว่างที่พระมหากษัตริย์ประทับอยู่นอกประเทศ บังคับให้พระญาติบางส่วนออกจากตำแหน่งราชการ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ พระญาติเหล่านั้นได้ร่วมกับกองกำลังอีกส่วนหนึ่งพยายามที่จะต่อต้านโดยไม่ประสบผลสำเร็จ
เกิดข่าวลือกันมากมายเกี่ยวกับการคาดเดาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อไปหากพระมหากษัตริย์ทรงสละราชสมบัติตามคำขู่จริง มีตัวเลือกอยู่สองสามทาง ทายาทโดยชอบธรรม คือ หนึ่งในพระราชนัดดา (ไม่มีมกุฎราชกุมาร) จะไม่ยอมรับตำแหน่ง ส่วนพระราชนัดดาอีกพระองค์ คือ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์นั้น เป็นที่ยอมรับ แต่มีพระมารดาเป็นชาวรัสเซีย จึงทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 63 นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ หรือ “เอ๋” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์รูปภาพ แจ้งความดำเนินคดี นายพริษฐ์ ชิวรักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ สภ.อ.โพธาราม
โดยระบุว่า “วันนี้มาแจ้งความน้องเพนกวิน@สภ.อ.โพธาราม ข้อหา พ.ร.บ.คอพ์ น้องเพนกวิน โพสต์ Facebook กล่าวหารัชกาลที่ 7 ว่า พยายามเอาพระแก้วมรกตไปขาย และ เสียดสี รัชกาลที่ 10 ว่า อาจจะทำตามรัชกาลที่ 7 ซึ่งข้อความดังกล่าว เป็นข้อความมั่วซั่ว ไม่มีข้อเท็จจริงเลย ใส่ร้าย รัชกาลที่ 7 เสียดสี รัชกาลที่ 10 จำเป็นต้องมาดำเนินคดี เพราะสุดจะทน #หยุดสร้างเรื่องใส่ร้ายพระมหากษัตริย์”
ด้าน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“หลายปีมาแล้ว ผมคิดถึงคติพจน์เหมา เจอ ตง “กล้าสู้ กล้าเอาชนะ” จึงขอให้นักศึกษาปริญญาเอก เหมาอิสต์ คนสุดท้าย เขียนอักษรจีนมาให้ดู
นักต่อสู้หลายคนไม่เข้าใจความหมายคำนี้
กล้าสู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องกล้าเอาชนะด้วย.”
นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก โตโต้ ปิยรัฐ-Piyarat Chongthep ของ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” หัวหน้าการ์ดคณะราษฎร 63 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
“เราจะพบกันใหม่ กับทีมที่ผมเป็นคนปลูก ประชาชนเป็นคนรดน้ำ พรวนดิน จนเติบโต และหยั่งราก อย่างมั่นคง ยากที่จะทำลาย นับวันจะยิ่งเติบใหญ่ เป็นร่มเงา ผลิดอก ออกผล ต่อไป
วันนี้ ผมคิดว่าเราพร้อมแล้ว กับการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนจากการทำหน้าที่ การ์ด ไปสู่ ภารกิจพิเศษ ที่เราสามารถขับเคลื่อนด้วยตัวของเราเอง
นับจากวินาทีนี้ ผมจะพาครอบครัวใหญ่ ที่ชื่อว่า wevo ยกระดับ ทั้งทางความคิด ประสิทธิภาพการทำงาน และที่สำคัญ ยกระดับจิตใจ ให้พร้อมกับสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง และล่อแหลม ในช่วงจังหวะที่ผู้มีอำนาจเหมือนว่าจะมีทีท่าว่ายอมหักไม่ยอมงอ
หลังจากนี้ wevo จะทำอะไร ในรูปแบบไหน ขอให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันติดตาม และให้กำลังใจพวกเราด้วยนะครับ”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ยังคงอยู่ที่การรับข้อมูลมาอย่างผิดๆ ของแกนนำม็อบคณะราษฎร 2563 โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถ่องแท้รอบด้าน หรือ อาจรู้อยู่แก่ใจดีว่า มีการบิดเบือน ใส่ร้าย ป้ายสี แต่ก็เต็มใจที่จะเป็น “เหยื่อ” ในการเอาเรื่องนี้มาขยายผล แม้ว่า จะต้องเข้าข่ายทำผิดก็ตาม
กรณี “กวิ้น” เรื่องขายพระแก้วมรกต กับ กรณี “รุ้ง” นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ดีเบต กับ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ประเด็น “พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561” มีความสอดรับกันอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะ ที่ “เอ๋ ปารีณา” อ้างในการแจ้งความเอาผิดว่า เพนกวิน กล่าวหา ร.7 ว่า พยายามเอาพระแก้วมรกตไปขาย และ เสียดสี รัชกาลที่ 10 ว่า อาจจะทำตามรัชกาลที่ 7 ซึ่ง ขณะดีเบต “รุ้ง” พยายามจะพูดเหมือนกัน กรณีเปลี่ยนการเป็นเจ้าของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แต่พูดไม่ชัด และไม่มีความรู้มากพอที่จะใช้ในการหาเหตุผลรองรับที่รับฟังได้ จึงถูก อาจารย์อานนท์ เชือดเป็นว่าเล่น
นั่นสะท้อนให้เห็นว่า มีคนจงใจที่จะ “ดิสเครดิต” สถาบันพระมหากษัตริย์ ว่าด้วยเรื่อง “ทรัพย์สิน” แล้วแจกจ่ายให้แกนนำม็อบราษฎร 63 แต่ละคนเอาไปสร้างกระแสทำลายภาพลักษณ์ ทำลายความน่าเชื่อถือ ในต่างรูปแบบ ต่างเวที ก่อนที่แต่ละคน ซึ่งเป็นแค่เหยื่อ พวกต้องการ “ล้มเจ้า” ตกม้าตายในที่สุด
เหนืออื่นใด ยิ่งเห็นความร้ายกาจในการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสี ของพวก “ล้มเจ้า” ยิ่งสงสารอย่างจับใจ “เหยื่อ” อันโอชะ ที่คนไทยไม่อาจช่วยอะไรได้เลย เพราะพวกเขาตกเป็นเหยื่ออย่างสมัครใจ และพลีชีพพร้อมจิตวิญญาณให้กับ “ศาสดา” ผู้อำมหิตที่กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลังไปแล้ว