“วิรัช” ชี้ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติของฝ่ายค้านมีปัญหา ให้ฟรีโหวตลงมติยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจรัฐสภาแก้ ม.256 หรือไม่ ยอมรับกังวลศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะนายกรัฐมนตรี
วันนี้ (30 พ.ย.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ว่า เป็นการประชุมเพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ซึ่งเป็นร่างที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอเข้ามาให้รัฐสภาพิจารณา แต่ทราบว่าฝ่ายค้านก็เสนอร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ส่งให้ประธานรัฐสภาบรรจุเข้าวาระเพื่อให้พิจารณาพร้อมกันกับร่างของรัฐบาลด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากร่างที่ฝ่ายค้านเสนอ เข้าข่ายกฎหมายการเงิน จึงต้องนำกลับไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณารับรองอีกครั้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้
นายวิรัชกล่าวว่า แต่ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า แม้คณะรัฐมนตรีจะรับรองร่างของฝ่ายค้านแล้ว แต่ร่างของฝ่ายค้านก็ไม่เข้าข่ายกฎหมายปฎิรูป จึงต้องนำมาเข้าพิจารณาในสภาเดียวคือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งวันนี้วิปรัฐบาลคงมีมติเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอมาคงมีการพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ และจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นในเวลาไล่เลี่ยกับคณะกรรมาธิดารแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ
นายวิรัชกล่าวว่า วันพรุ่งนี้ที่ประชุมรัฐสภาจะพิจารณาญัตติ เพื่อขอความเห็นชอบว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของรัฐสภา ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยเบื้องต้นในที่ประชุมวิปรัฐบาลหลายคนอยากให้เป็นการฟรีโหวต ใครอยากตรวจสอบความถูกต้องก็ควรโหวตส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่หากใครคิดว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบก็ให้งดออกเสียงหรือลงเสียงไม่เห็นด้วย
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าจะไม่ลงมติให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ นายวิรัชกล่าวว่า เรื่องนี้หลายพรรคมีความกังวลใจ บางพรรคอยากส่ง บางพรรคไม่อยากส่ง จึงไม่อยากให้ขยายประเด็น เพราะไม่อยากให้เกิดความไม่เข้าใจกันภายในวิปรัฐบาล รวมถึงใน ส.ส.พรรคประชารัฐเองก็ยังไม่มีการคุยกันว่าจะลงมติอย่างไร โดยหารือกันอีกครั้งในการประชุมพรรคช่วงบ่ายนี้ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะลงมติ ฟรีโหวต
นายวิรัชยังยอมรับว่า กังวลเรื่องศาลรัฐธรรมนูญเตรียมอ่านคำวินิจฉัย ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีใช้บ้านพักทหารหลังเกษียณอายุราชการ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงบัญชีรายชื่อนายกฯ สำรอง หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง โดยขอให้รอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน