รมว.แรงงาน อัด “ธนาธร” หยุดทำลายประเทศ หลังโพสต์บิดเบือนกลไกร่าง กม.แรงงานอนาคตใหม่ถูกตีตก ชี้หน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณาไม่ใช่นายกฯ พร้อมแจงรายละเอียดหากรับข้อเสนอ ศก. และผู้ประกอบการเจ๊ง อย่าพูดเอาแต่มันปาก
วันนี้ (26 พ.ย.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ปัดตกร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิแรงงานฉบับอนาคตใหม่ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ได้เป็นคนปัดเรื่องนี้ตก เพราะตามกระบวนการพิจารณากฎหมายต่างๆ จะต้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูความเป็นไปได้และความเหมาะสม นั่นคือกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานของ กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานทำความเห็น และหลังจากการตรวจสอบพบว่าข้อเสนอ 3 ข้อที่นายธนาธรอ้างนั้นยังไม่เหมาะสมที่จะทำในเวลานี้ ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้และไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย และ เป็นเรื่องของการความสามารถการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทยกับต่างประเทศ ยิ่งในสภาวะการระบาดของโควิดทำให้ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะการประคองธุรกิจให้อยู่รอดและสามารถรักษาการจ้างงาน และต้องมองภาพรวมในการลงทุน
รมว.แรงงานกล่าวว่า สำหรับข้อเสนอนายธนาธร 1. ให้แรงงานทำงาน 5 วัน และหยุด 2 วัน ในอาเซียนมี 9 ประเทศ รวมทั้งไทยใช้แนวทางทำงาน 6 วัน และหยุด 1 วัน โดยอาศัยบริบทเศรษฐกิจแต่ละประเทศ มีเพียงประเทศสิงคโปร์เท่านั้นที่ทำงาน 5 วัน และหยุด 2 วันเท่านั้น ส่วนผู้ประกอบการไหนจะหยุดเพิ่มเติมเป็นสิทธิของแต่ละบริษัท หรือความพร้อมของแต่ละบริษัท และขึ้นอยู่กับการหารือกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
2. เสนอให้ยกเลิกค่าจ้างรายวันให้เปลี่ยนเป็นค่าจ้างรายเดือน ซึ่งข้อเท็จจริงยังไม่เหมาะสมกับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภท SME ซึ่งเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่ของประเทศ และประเทศไทยและประเทศภูมิภาคอาเซียนได้ให้อิสระของภาคธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามความเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม ต้องจ่ายไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำภายใต้คณะกรรมการค่าจ้างซึ่งเป็นไตรภาคี คือ นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เป็นผู้ประกาศกำหนดไว้
3. เสนอให้วันลาคลอดจาก 90 วัน เป็น180 วัน และสามารถเลือกให้พ่อแม่ หรือคู่ชีวิตใช้วันลาได้นั้นก็ไม่เหมาะสม เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการลาคลอด คือให้ มารดาได้พักผ่อนและดูแลร่างกายตัวเอง หลังจากการคลอดบุตร และให้ลูกที่เกิดมาได้ดื่มน้ำนมของมารดา เพื่อให้ทารกมีภูมิคุ้มกันเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงตามมาตราฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับในการเลี้ยงดูบุตร แต่หากทำตามที่นายธนาธรระบุไว้อาจจะส่งผลเสียต่อมารดาและบุตร ส่วนการเสนอให้หยุดจาก 90 วัน เป็น 180 วัน อาจเป็นเหตุให้สตรีหางานทำยากขึ้น และจะเกิดการเลือกปฎิบัติในการรับลูกจ้างเข้าทำงาน ส่วนกิจการที่มีสตรีคลอดบุตรพร้อมๆ กัน และต้องหยุดเป็น 180 วัน ทำให้มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อาจจะต้องปิดกิจการและเลิกลงทุนในประเทศไทย และจะทำให้ไม่มีนักลงทุนเข้ามาในประเทศไทย หรือย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นๆ ส่งผลให้คนว่างงานเพิ่มมากขึ้น
นายสุชาติกล่าวว่า อยากฝากไปถึงนายธนาธรว่าจะให้ความคิดเห็นอะไรต้องดูข้อเท็จจริง ตรรกะความเป็นจริง มิใช่หวังแต่เล่นการเมือง หวังแต่หาเสียง พูดเอามัน เอาสนุกปากโดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมาเป็นลูกโซ่
“ขอให้หยุดพฤติกรรมนี้เสียที เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยก็บอบช้ำจากข้อมูลบิดเบือนแบบนี้มาเยอะมากพอแล้ว ควรจะเอาสมองเอาเวลาคิดสร้างสรรค์ดีกว่า ถ้าบิดเบือนแบบนี้จะทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ผมอยากจะบอกว่าโชคดีที่ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรีอย่างนายธนาธร มิเช่นนั้นคงต้องปิดประเทศเพราะเศรษฐกิจเจ๊ง แน่นอน เพราะเสนออะไรมาไม่ดูข้อเท็จจริงว่าทำได้หรือไม่ได้ เล่นแต่จะหาเรื่องรัฐบาลเท่านั้นโดยไม่สนใจประเทศจะเสียหายอย่างไร” รมว.แรงงานระบุทิ้งท้าย