“นพ.อรัณ ไตรตานนท์” สูตินรีแพทย์ รพ.ตำรวจ เตือน 5 สัญญาณภัยเงียบใกล้ตัวสตรี “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” หรือ “ช็อกโกแลตซีสต์” แนะปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่าน
สุขภาพของสุภาพสตรีนับเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและบอบบาง โดยหนึ่งใน “ภัยเงียบ” ที่ใกล้ตัวมากๆ จนส่งผลลบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน นั่นคือ “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” หรือที่รู้จักกันดีว่า “โรคช็อกโกแลตซีสต์” หากพบสัญญาณอาการป่วย ไม่ควรละเลยหรือปล่อยไว้นาน เพราะอาจลุกลามและถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งสาเหตุของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เชื่อว่าเกิดจากภาวะประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้อง ซึ่งประจำเดือนเหล่านี้มี “เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก” อยู่ด้วย เมื่อไปเกาะอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งก็อาจเจริญเติบโต เกิดเป็นพังผืด อาทิ สะสมอยู่ในรังไข่จนเกิดเป็นก้อนสีดำคล้ำ คล้ายช็อกโกแลต จึงมักเรียกกันว่า “ถุงน้ำช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตซีสต์” นั่นเอง
นพ.อรัณ ไตรตานนท์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าของเพจให้ความรู้ด้านสุขภาพ “อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน” กล่าวว่า ผู้หญิงเกือบทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดภาวะประจำเดือนไหลย้อนกลับด้วยกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือมีถุงน้ำช็อกโกแลตในช่องท้อง จากการศึกษาพบผู้หญิง 100 คน มีภาวะประจำเดือนไหลย้อนกลับได้ 90 คน แต่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกฯ ประมาณ 10-15 คน
สำหรับสัญญาณเตือนภัยผู้หญิงที่เสี่ยงจะเป็นโรคนี้ นพ.อรัณ ระบุว่า มี 5 ประการหลักๆ คือ 1.ปวดท้องน้อยเป็นประจำเวลามีประจำเดือน 2.ปวดท้องน้อยรุนแรงมากขึ้นตามอายุ แม้ในระหว่างที่ไม่ได้มีประจำเดือน 3.ผู้หญิงที่มีบุตรยาก 4. ผู้หญิงที่มีอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ 5. มีแม่ พี่สาว หรือญาติ ป่วยเป็นโรคนี้มาก่อน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดไม่ควรละเลยอาการของตัวเอง เพราะรอยโรคอาจจะใหญ่มากขึ้น
“โรคนี้เหมือนกับทุกโรค คือ รู้เร็ว รักษาทัน ขอให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ทันที อย่ากลัว และบอกอาการให้ชัดเจน ครบถ้วน อาทิ ปวดตรงท้องน้อยมาก ปวดมากจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เมื่อมีประจำเดือน ทั้งนี้จะทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที”
โดยแพทย์จะมีกระบวนการรักษา 2 แบบ คือรักษาด้วยยาและการผ่าตัด สำหรับการให้ยามีทั้งยาแก้ปวดสำหรับคนไข้ที่ปวดไม่มากและอัลตร้าซาวน์ไม่พบรอยโรค และการให้ยาแบบเฉพาะเจาะจงในกลุ่มที่มีถุงน้ำช็อกโกแลตหรือปวดรุนแรง แต่ยาจะไปขัดขวางการตกไข่ จึงทำให้คนไข้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ จนกว่าอาการจะดีขึ้น ส่วนกลุ่มคนไข้ที่ต้องผ่าตัด คือรับประทานยาแล้วไม่ดีขึ้น มีปัญหามีบุตรยาก หรือมีถุงน้ำช็อกโกแลตเกิน 3 เซนติเมตร”
อย่างไรก็ดี เพื่อลดภาระของคนไข้ แนวทางการรักษาหลักในปัจจุบันจะเป็นการใช้ยาฮอร์โมน (Empirical treatment) ซึ่งจากสถิติพบว่าอาการปวดของคนไข้ส่วนใหญ่หายได้ตั้งแต่ 1-2 เดือนแรกหลังจากรับประทานยา โดยไม่ต้องเจ็บตัวและลดค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัดได้
นพ.อรัณ กล่าวทิ้งท้ายว่า โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก แม้ผ่านการให้ยาหรือผ่าตัดแล้ว ตราบใดที่ผู้หญิงยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ หรือมีประจำเดือนนั่นเอง ระยะปลอดจากโรคนี้จริงๆ คือเมื่อเข้าสู่วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือนแล้ว จึงฝากบอกผู้หญิงทุกคนว่าถ้า “ปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่าน” รีบมารักษาเนิ่นๆ ก่อนสายเกินแก้ แค่นี้ก็จะหยุดยั้งโรคและห่างไกลจากภาวะช็อกโกแลตซีสต์ได้.