รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบแถลงการณ์ร่วมฯ เขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ประเทศจะได้ประโยชน์ในการเสริมบทบาท สร้างความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค
วันนี้ (23 พ.ย.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ว่า ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 26 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ซึ่งประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค เพื่อรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสนับสนุนการดำเนินการร่วมกันของประเทศสมาชิกแผนงาน IMT-GT ในการบรรเทาผลกระทบจากโรคโควิด-19 และเตรียมการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
2. แสดงผลการดำเนินงานและร่วมยินดีกับความสำเร็จของโครงการใน 7 สาขาคณะทำงานภายใต้แผนงาน IMT-GT ในปีที่ผ่านมา โดยมีการดำเนินงานและโครงการที่สำคัญ คือ 1) โครงการก่อสร้างสนามบินเบตง จังหวัดยะลา ประเทศไทย 2) โครงการก่อสร้างทางด่วนเปกันบารู-ดูไม ประเทศอินโดนีเซีย 3) ส่งเสริมขั้นตอนการอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าและคนระหว่างกันในอนุภูมิภาค 4) การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างกันในระดับอนุภูมิภาค และ 5) การกำหนดบทบาทความรับผิดชอบรายสาขาของสภาเทศมนตรีเมืองสีเขียว
3. กำหนดแนวทางแต่ละสาขาความร่วมมือ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานของแผน IMT-GT ในระยะต่อไป โดยมีประเด็นสำคัญ คือ 1) พัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมฮาลาลให้เข้มแข็ง 2) สร้างความร่วมมือระหว่างเมืองยางพาราของประเทศสมาชิก เพื่อพัฒนาการเชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าอุตสาหกรรมยางในอนุภูมิภาค และ 3) พัฒนาหลักสูตรการพัฒนาและเสริมทักษะใหม่สำหรับแรงงานในอนุภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการศึกษาและการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่
4. ยืนยันที่จะพัฒนาความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย และสำนักงานเลขาธิการอาเซียนต่อไป รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ธนาคารเพื่อการพัฒนาอิสลาม (IsDB) ศูนย์ยุทธศาสตร์สังคมสิ่งแวดล้อมโลกของสถาบันภายใต้ความร่วมมือกับโครงการสหประชาชาติด้านสิ่งแวดล้อม (IGES/CCET) เป็นต้น
น.ส.รัชดากล่าวเพิ่มว่า ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ คือ 1) ส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากการพัฒนาความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคภายใต้แผนงาน IMT-GT 2) สร้างความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาค เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการรับมือและการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ผ่านโครงการสำคัญที่จะดำเนินการต่อไป เช่น การจัดทำแนวทางปฏิบัติร่วมกันสำหรับธุรกิจการ เพื่อส่งเสริมให้ IMT-GT เป็นอนุภูมิภาคการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เร่งรัดความร่วมมือด้านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาศักยภาพผู้ฝึกอบรมด้านการตลาดดิจิทัล เป็นต้น