กมธ.สีกากี เผยตำรวจชี้แจงสลายม็อบ ย้ำจากเบาไปหาหนักตามหลักสากล ฝาก 3 ข้อ ป้องกันม็อบชนม็อบ สาธิตขั้นตอนปฏิบัติการ เน้นละมุนละม่อมเป็นมิตร และดูผลกระทบการใช้สารแก๊ส
วันนี้ (12 พ.ย.) นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษก กมธ. แถลงภายหลังเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แก่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เข้าให้ข้อมูลมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อควบคุมการชุมนุมในพื้นที่ กทม. และพื้นที่อื่นๆ
นายณัฏฐ์ชนนกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปยืนยันการดำเนินการจากเบาไปหาหนักตามหลักสากล มีการแจ้งเตือนผู้ชุมนุมก่อน หากไม่ได้รับความร่วมมือจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพื่อระงับเหตุการณืให้เกิดความสงบ โดยทาง กมธ.ได้ฝากข้อเสนอแนะไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ประเด็น ได้แก่ 1. ผู้ชุมนุมที่มีความเห็นต่างกัน 2 ฝ่ายและเข้าไปอยู่ในกลุ่มหนึ่งจะมีแนวทางป้องกันเฝ้าระวังเหตุอย่างไร 2. ควรมีการสาธิตและประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ประชาชนรับทราบ และ 3. ใช้วิธีการแบบละมุนละม่อม เป็นมิตร เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงไปมากขึ้น
ด้านนายสัญญากล่าวในรายละเอียดว่า การบังคับใช้กฎหมายทั้งหมดที่ผ่านมาได้รับการชี้แจงจากรอง ผบ.ตร.ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการสลายการชุมนุมแบบลงลึกในรายละเอียด เริ่มจากการใช้น้ำฉีด จากนั้นจึงใช้สีฟ้าผสมน้ำฉีดซึ่งเป็นสีชนิดไวโอเลต 2 บี เปรียบเสมือนลิปสติก เพื่อใช้ระบุตัวบุคคลที่มาชุมนุม ยืนยันว่าไม่มีอันตราย และเมื่อยังควบคุมไม่ได้จึงมีการใช้แก๊สน้ำตาจำนวน 3 เปอร์เซ็นต์ผสมน้ำ เป็นไปตามมาตรฐานสากลของยูเอ็นที่เริ่มจาก 3 เปอร์เซ็นต์ 6 เปอร์เซ็นต์ และ 9 เปอร์เซ็นต์
“ทาง กมธ.ได้ฝากข้อเสนอแนะ โดยเฉพาะการใช้สารหรือแก๊สน้ำตา อยากให้ดูว่ามีผลกระทบอย่างไร หากมีการเข้าปาก หรือกลืนกินลงไป และมาตรการเพิ่มความเข้มข้นในการใช้สารจะเป็นอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงว่ามีการเตรียมหน่วยแพทย์ไว้ในพื้นที่อย่างดี และยืนยันว่าถ้าไม่มีการไปรุกล้ำกฎหมายก็จะไม่กระทำ” นายสัญญากล่าว
นายสัญญากล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุการฉีดน้ำในการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ใกล้กับสนามหลวงนั้น เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าผู้ชุมนุมเริ่มมีการตัดรั้วลวดหนามและขยับเข้ามาใกล้จุดที่ต้องควบคุม หากปล่อยอาจมีเหตุที่ควบคุมไม่ได้จึงต้องมีการฉีดน้ำวิถีโค้ง ขณะที่สาเหตุการสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เริ่มมาจากการพบว่ามีการ์ดของผู้ชุมนุมได้เริ่มเข้ามาปะทะเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ เริ่มมีความรุนแรงจนเริ่มที่จะควบคุมไม่ได้จึงต้องมีการฉีดน้ำสลายการชุมนุม
เมื่อถามว่า ใน กมธ.ได้มีการหารือถึงเหตุการณ์การที่มีมวลชนฮือเข้าล้อมรถของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่จังหวัดภาคใต้หรือไม่ รองประธาน กมธ.กล่าวว่า ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ได้เน้นย้ำฝากเป็นมาตรการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะบุคคลที่เห็นต่างกัน 2 ฝ่ายแล้วเข้าไปอยู่ในกลุ่มหนึ่ง