"แซมมี่" ไม่กล้าคาดหวังนางเอกร้อยล้าน พอใจแล้วเล่นหนังเรื่องแรก ติดใจอยากเล่นอีก เรื่องรักไม่มีอะไรอัปเดต ต่างคนต่างใช้ชีวิต ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ แต่ยอมรับจะกลับไปลองคิดเรื่องสถานะ
ได้เล่นหนังครั้งแรก ก็ประกบสองพระเอกฮอต "โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ" และ "เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี" ในภาพยนตร์ เฮ้ย!ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ แต่ดูเหมือนช่วงเวลาลงโรงไม่ค่อยดีทำให้รายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น งานนี้นางเอก "แซมมี่ เคาวเวลล์" เผยแฮปปี้ที่ได้เล่น ติดใจอยากเล่นอีก
“ถามว่าคาดหวังไหม เราไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น เราแฮปปี้กับการได้เล่นแล้ว ส่วนกระแสเป็นอะไรที่กำไรนะ ในความรู้สึกแซม หนังเรื่องแรกด้วย ทุกวันนี้ยังมีแฟนคลับที่แท็กรูปตั๋วมาทุกวันแสดงว่าทุกคนไปดูหนังกันมาทุกวัน ก็ดีใจบางคนดูเกิน 2 รอบด้วย
ถามว่าเสียดายจังหวะในการฉายไหม มันเป็นสิ่งที่เราคอนโทรลมันไม่ได้แล้ว มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเราทุกคน แต่เราเต็มที่กับมันจริงๆ ไม่มีใครรู้สึกเสียดายหรอก ทุกคนแฮปปี้กับยอด กับอะไรหลายๆ อย่าง”
ไม่เช็กรายได้
“เราไม่ได้นั่งเช็ก บางทีเจอพี่ทีมงานก็มาบอกว่าตอนนี้ได้เท่านี้แล้ว แซมก็ซื้อตั๋วเข้าไปดูเหมือนกันรอบสอง มันก็เขินๆ นะ ตอนที่นั่งดูรอบสื่อมวลชนก็ยังเขินตัวเองเลย และก็ไปอุดหนุนหนังตัวเองอีกรอบนึง ก็ยังเขินเหมือนเดิม มันไม่ชิน ส่วนตัวก็พอใจนะ สำหรับหนังเรื่องแรกของเรา แฮปปี้ได้เจอพี่ๆ และผู้กำกับ ที่เราไม่น่าจะมีโอกาสได้เจอบ่อยๆ มันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์”
ไม่กล้าคาดหวังต้องเป็นนางเอกหนังร้อยล้าน
“อุ้ย! ไม่กล้าคาดหวังหรอกค่ะ อย่างที่บอกมันเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ ไม่นอยด์เลย เราแฮปปี้ด้วยซ้ำ มีแล้วเรื่องนึงก็อยากจะลองเล่นอีกเรื่อยๆ”
ไม่ได้อ่านเพจวิจารณ์หนัง เลือกโฟกัสดีกว่า
“ไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่ก็จะเห็นจากที่แท็กมาในอินสตาแกรม จริงๆ แล้ว ฟีดแบ็กก็ดีนะ ที่เขียนมาก็โอเคนะคะ 90 เปอร์เซ็นต์ถือว่าเป็นคำชม ด้านลบก็ไหวนะ ด้านลบที่เจอผ่านๆ เขาวิจารณ์โดยไม่ได้มีอคติอะไร วิจารณ์ตามเนื้อผ้า เนื้องานจริงๆ ซึ่งแน่นอนมันจะมีทั้งด้านดีและด้านลบในทุกเรื่องที่เราทำ ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็มีหมดแหละทั้งสองด้าน เราแค่เลือกโฟกัสดีกว่า ด้านลบเราก็กลับมามองตัวเอง”
ติดใจ อยากเล่นหนังอีก
“อยากค่ะ รู้สึกชอบวิธีการทำงาน วิธีการถ่ายทำ การแสดงมันก็ไม่เหมือนกัน เรียกว่าติดใจก็ได้ค่ะ”
รักไม่มีอะไรให้อัปเดต ต่างคนต่างใช้ชีวิตกันไป
“ไม่มีอะไรอัปเดตเลยค่ะ ยังไม่มีอะไรให้เปิดเลย นอกจากรูปเข้าป่าขึ้นเขา ก็จะอยู่ทะเลซะส่วนใหญ่ เขาไม่ได้ไปด้วยค่ะ ไปกับคุณแม่ คือต่างคนต่างใช้ชีวิต ต่างคนต่างทำหน้าที่ ทำงานกันไป ถามว่ามีเวลาให้กันไหม ก็ปกตินะ เวลาหลักๆ ของเราก็คืองาน เพราะฉะนั้นคิวไปเที่ยวเราก็รอจากงานที่ไม่ได้ใช้คิวถึงจะไป เราเจอกันเรื่อยๆ ไม่ได้บ่อยมาก”
ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน จะกลับไปลองคิดเรื่องสถานะ
“เรื่องแพลนเที่ยวด้วยสถานการณ์ตอนนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนเลยไม่กล้าแพลนอะไรเท่าไหร่ เรื่องไลฟ์สไตล์ต่างกันไม่ใช่ประเด็นค่ะ เป็นเรื่องของเวลา การใช้ชีวิตที่อยู่กับเพื่อน หรืออยู่คนเดียว ถามว่าเขาเข้าใจไหมก็เข้าใจค่ะ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ ก็ไม่ติดอะไรเลย ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมันไป ถามว่าปิดบังไหม ไม่ได้ปิดนะ ถามว่าไปไหนกับใคร ก็ไปปกติ ไม่ได้แอบอะไร เขาก็ไม่ได้รีบค่ะ เรื่องสถานะยังไม่ได้คิดขนาดนั้น จะลองกลับไปคิดดู”