วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไปรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (อบจ.) ซึ่งมีกลุ่มคนใส่เสื้อเหลืองไปล้อมรถขัดขวางว่า ทุกคนต้องระมัดระวัง การที่ กกต.ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นเรื่องดี เพราะทำให้หลายคนที่จะลงไปก็ไม่กล้าลงและไม่เกิดการปะทะกัน ทางที่ดีคือทุกคนควรทำตามคำแนะนำของ กกต.
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังรวบรวมข้อมูลตรวจสอบคณะก้าวหน้า หลังมีผู้ยื่นร้องเรียนว่ามีลักษณะการเคลื่อนไหวคล้ายกับพรรคการเมืองในการหาเสียงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า ถ้า กกต.กังวลเรื่องนี้ให้เขาไปจัดการเอง ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า กกต.กังวลจริงหรือไม่ กกต.ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปกางกติกาแล้วออกมาพูด ส่วนที่มีคนไปยื่นร้องเรียนกรณีของคณะก้าวหน้าก็เป็นเรื่องของ กกต.พิจารณา
เมื่อถามต่อว่า การดำเนินการในฐานะกลุ่มการเมืองกับพรรคการเมืองมีความก้ำกึ่งกันใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ยอมรับว่ามีความก้ำกึ่งกัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบปัจเจกบุคคล แบบกลุ่ม หรือพรรคการเมือง ทั้งหมดมีความก้ำกึ่งกัน อย่างไรก็ตามอย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของกลุ่มหรืออะไร เพราะเมื่อ กกต.บอกว่าพรรคการเมืองสามารถส่งผู้สมัครได้ พรรคนั้นก็สามารถช่วยคนของเขาหาเสียงได้ก็ไม่แปลกอะไร เพียงแต่ยกเว้นว่าข้าราชการการเมือง และสมาชิกสภา ห้ามไปหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น เขาแค่ห้ามคน ไม่ได้ห้ามพรรค
เมื่อถามถึงบางฝ่ายยังมีข้อสงสัยว่า กรณีที่พ่อเป็น ส.ส.แต่ลูกไปลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น พ่อไม่สามารถไปช่วยลูกหาเสียงได้ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนลูกไปสอบไม่เห็นพ่อต้องไปช่วยลูกสอบเลย ไม่มีอะไรต้องงง เราอย่าไปหยิบเรื่องความเป็นลูกเป็นพ่อ แต่ต้องหยิบเรื่องความเป็นสมาชิกสภา หรือความเป็นรัฐมนตรีที่สามารถให้คุณให้โทษ หรือก่อให้เกิดอิทธิพลได้ เราต้องแยกหมวกให้ออก
เมื่อถามอีกว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สามารถช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อสม.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
เมื่อถามย้ำว่า อสม.ช่วยหาเสียงได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่