“iLaw” เจอเข้าแล้ว “หมอวรงค์” จวก รับเงินต่างชาติ ไม่พ้นถูกครอบงำ หลังเปิดโปงเป็นโต้โผล้มล้างรัฐธรรมนูญไทย เพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับ “กิตติศักดิ์” แฉกลางสภา เล็งปฏิรูปสถาบัน “ทอน” กฎแห่งกรรมไลล่า
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 พ.ย. 63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี โพสต์หัวข้อ “#NGOรับเงินต่างชาติ”
โดยระบุว่า “ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์-iLaw) (นายจอน อึ้งภากรณ์) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของไอลอว์ ผมขอบอกเลยว่า พวกเราไม่เคยและไม่มีวันยอมให้แหล่งทุนใดมาชี้นำหรือบงการการทำงานของเราหรือมาแทรกแซงความเป็นอิสระขององค์กรของเรา
ขอถามหน่อยว่า #คุณคิดว่า มีของฟรีจากต่างชาติด้วยหรือ?? #เขาไม่ได้ต้องการชี้นำหรือบงการแต่เขาขอแค่ครอบงำ!!!
#ถึงเวลาห้าม NGO รับเงินต่างชาติ”
ก่อนหน้านี้ (6 พ.ย.) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ก็ได้โพสต์หัวข้อ “#NGO รับเงินต่างชาติ” เช่นกัน แต่เนื้อหาต่างกันว่า
“หลังจากที่มีการเปิดเผยว่า ไอลอว์ เป็น NGO รับเงินต่างชาติ แต่มาเป็นโต้โผ ล้มล้างรัฐธรรมนูญไทย เพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับ
ทางไอลอว์ได้ออกมาชี้แจง เรื่องแหล่งที่มาของทุน มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ “หลักการทำงานกับแหล่งทุน คือ เราจะพิจารณาแหล่งทุนที่มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกันกับเป้าหมายขององค์กร ไม่ได้จำกัดว่า ต้องมาจากประเทศใด”
แต่พบว่าแหล่งทุนแหล่งหนึ่ง ที่น่าสนใจคือ Heinrich Boll Stiftung (HBF) ที่ให้เงิน ilaw ก็เป็นมูลนิธิของพรรคกรีนที่เดินเกมในรัฐสภา ของประเทศเยอรมนี และมีการอภิปรายพาดพิงในฐานข้อมูลที่ผิดๆ เกี่ยวกับประเทศไทย
แสดงว่า การที่ไอลอว์แจงว่า หลักการทำงานกับแหล่งทุน พิจารณาที่วัตถุประสงค์สอดคล้องกัน ก็เท่ากับว่า ไอลอว์กำลังสมคบกับต่างชาติ กระทำในสิ่งไม่ดีกับประเทศไทยใช่หรือไม่???
เราจะปล่อยให้ NGO ที่รับเงินต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน อีกนานแค่ไหน น่าจะถึงเวลาห้าม NGO ที่เคลื่อนไหว ในประเทศไทยรับเงินต่างชาติได้แล้ว???
ขณะเดียวกัน นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ลุกขึ้นอภิปรายหารือในที่ประชุมวุฒิสภา ว่า การชุมนุมประท้วง ซึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เลยเถิดไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนมีข้อสงสัยว่า องค์กรภาคประชาชนต่างๆ เช่น เอ็นจีโอ อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายนี้หรือไม่ โดยมีองค์กรหนึ่งที่เรียกว่า กลุ่มไอลอว์ ที่ยื่นรายชื่อประชาชนเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีปรากฏผ่านสื่อมวลชนว่า กลุ่มไอลอว์ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ หากองค์กรดังกล่าวนี้เข้ามามีส่วนร่วมร่างกฎหมายประเทศไทย ไทยจะยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่ เพราะไทยไม่เคยเป็นขี้ข้าใคร ไม่เคยเสียเอกราช
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อดูรายละเอียดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กลุ่มไอลอว์เสนอมา ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้แต่หมวด 1 และหมวด 2 ก็ยังจะแก้ไข ดูแล้วจะแก้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเว็บโป๊เท่านั้น จึงหารือกับประธานว่า
หากจะเอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รับเงินจากองค์กรต่างชาติ เป็นเรื่องเหมาะสมที่ทำได้หรือไม่ ซึ่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มไอลอว์ ต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบจ. จึงฝากประชาชนคิดเลือกคน อย่าเลือกพรรค หรือนักการเมืองที่คิดไม่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความแตกแยกให้กับคนไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องมีกฎหมายเฉพาะเพื่อตรวจสอบองค์กรสถาบันที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ ว่าทำกิจกรรมใดในประเทศไทยบ้าง
#ถึงเวลาห้ามNGOรับเงินต่างชาติ
สำหรับไอลอว์ (iLaw) เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 63 หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ “อุ๊” นักร้องชื่อดัง และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยภักดี ซึ่งเข้าร่วมดีเบตกับ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ช่วงหนึ่งถามว่า ไอลอว์ (iLaw) เป็นใคร แล้วทำไม ไอลอว์ ถึงรับเงินจาก อเมริกันและยิว ซึ่งตนเป็นคนไทยตนรับไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นคนไทย เนื่องจากมีการให้อเมริกันและยิว มาแก้รัฐธรรมนูญไทย ที่คนไทยลงประชามติแล้ว
ทำให้เพจเฟซบุ๊ก “iLaw” โพสต์ข้อความชี้แจงทันควัน ถึงแหล่งทุนที่รับการสนับสนุนว่า ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้
1. Open Society Foundation (OSF)
2. Heinrich Böll Stiftung (HBF)
3. National Endowment for Democracy (NED)
4. Fund for Global Human Rights (FGHR)
5. American Jewish World Service (AJWS)
6. ได้รับเงินสนับสนุนเป็นรายครั้งจากบริษัท Google และผู้สนับสนุนอิสระ
นอกจากไอลอว์แล้ว เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ยังโพสต์หัวข้อ “#กฎแห่งกรรม” กัดไม่ปล่อย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
เนื้อหาระบุว่า “แต่เดิมผมเข้าใจว่า หลักการของเราในการปกป้องสถาบันฯ จะมี 3 ข้อนั่นคือ
1. ใช้ความจริงในการต่อสู้ #ต้องช่วยกันเอาความจริงออกมา เพื่อลบล้างข้อมูลเท็จ
2. ใช้หลักกฎหมาย คือ การฟ้องร้อง ดำเนินคดีผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งหลายๆ ฝ่ายได้ช่วยกันทำ
3. ใช้พลังของประชาชนผู้ภักดี ร่วมกันแสดงออกโดยสันติ เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
ล่าสุด เห็นมีการแชร์คลิปกันเยอะมาก จากจังหวัดต่างๆ ทั้งสมุทรสงคราม ปราจีนบุรี มาถึงระยอง ผมเลยเข้าใจว่า มีอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือ #กฎแห่งกรรม ซึ่งกรรมยุคนี้ติดจรวดจริง”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 63 ที่ จ.ระยอง ขณะ นายธนาธร นำลูกทีมผู้สมัคร นายก อบจ.ระยอง ออกมาหาเสียง มีรายงานว่า มีประชาชน พร้อมแม่ค้าในตลาดนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มาด้วย บุกกลางวงหาเสียงเข้าไปถามนายธนาธร ว่า สู้เป็นไทยถอยเป็นทาส คำว่า ทาสของคุณคืออะไร มันเลิกทาสไปตั้งแต่รัชกาลที่ 5 แล้ว ขอให้หยุดจาบจ้วงในหลวง พวกเราขอแค่ว่า ถ้าหาเสียงจะทำการเมืองให้ดีขึ้น อยากพัฒนาประเทศก็ทำไป แต่ต้องบอกพรรคพวกหยุดจาบจ้วงในหลวง สัญญากับคนบ้านฉางว่าจะไม่จาบจ้วงในหลวงหรือไม่
ด้าน นายธนาธร อธิบายว่า ตนอยากให้ไปดูดีๆ ว่า ตนจาบจ้วงในหลวงตรงไหน อย่าฟังสิ่งที่คนอื่นเค้าพูดถึงตน ลองไปฟังสิ่งที่ตนพูด ทางด้านแม่ค้าคนเดิมสวนกลับว่า ไม่ได้ฟังจากใครเลย เราฟังจากคลิป คำว่าสู้เป็นไทยถอยเป็นทาสของคุณ คุณหมายความว่าอะไร ซึ่ง นายธนาธร อธิบายว่า สู้เป็นไทยถอยเป็นทาสของตน คือ คนทุกคนในประเทศนี้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน คนทุกคนในประเทศนี้มีสิทธิเสรีภาพทางการเมืองเท่าเทียมกัน ถ้าเราไม่ต่อสู้ เราจะไม่มีสิทธิเสียงเท่ากลุ่มคนที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน นี่คือ ความหมายของตน
ขณะที่ฝั่งแม่ค้าอีกคนตะโกนสวนว่า “คุณจะหมายความว่าอย่างไรก็ตามแต่ แต่คุณอย่าก้าวร้าวในหลวง” นายธนาธร ย้อนถามว่า “ผมกร้าวร้าวตรงไหนครับ” แม่ค้า จึงสวนไปว่า “คุณไม่รู้เลยหรือว่า คุณก้าวร้าวตรงไหน คุณทำอะไรคุณไม่รู้เรื่องเลยหรือ คุณอย่าพูดเลย คุณน่ะเป็นคนพูดดี พูดดีมาก เอาเป็นว่าคุณหยุดจาบจ้วงสถาบันเท่านั้น แค่นั้นพอคนไทยรับไม่ได้ คุณจะหาเสียงคุณจะพัฒนาให้การเมืองมันดีขึ้น มีสิทธิเสรีภาพ โอเค เราเห็นด้วยค่ะ แต่หยุดจาบจ้วงสถาบันแค่นั้นเอง”...(จากแนวหน้าออนไลน์)
แน่นอน, ประเด็นที่น่าวิเคราะห์ มีสองประเด็น ประเด็นแรก เรื่อง ไอลอว์-iLaw ซึ่งเป็นองค์กร NGO (องค์กรที่ไม่ใช่รัฐบาล) ที่ไม่มีผลกำไร ขอรับเงินทุนบริจาคจากต่างประเทศ และทำงานเกี่ยวกับประเด็นที่เจ้าของโครงการสนใจ โดยอยู่ในขอบข่ายวัตถุประสงค์ของการให้ทุน และขอทุน
ถ้าวิเคราะห์บทบาทของ “ไอลอว์” ในพักหลัง โดยเฉพาะผู้อำนวยการโครงการ เห็นได้ชัดว่า สนใจในประเด็นการต่อสู้ของ นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่เว้นแม้แต่หมวด 1 และหมวด 2 เพราะอาจเชื่อว่า จะนำมาสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และเห็นได้ชัดจากการชำแหละร่างแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับไอลอว์ ของ คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. พบว่า ยึดเรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นใหญ่ จนไม่จำกัดสิทธิคนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แม้แต่ คนวิกลจริต และรวมถึงคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งก็อาจหมายถึงแกนนำคณะก้าวหน้า ที่เล็งแก้หมวด 2 (พระมหากษัตริย์) เพื่อปฏิรูปสถาบันอยู่แล้ว และเชื่อว่า ถ้ายึดร่างนี้เป็นหลัก การเข้าสู่ ส.ส.ร.ของคนเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
ยิ่งกว่านั้น “คำนูณ” ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า มีการเสนอให้ยกเลิก หรือ นิรโทษกรรมให้กับผู้ต้องหา ต้องโทษในคดีทุจริตทั้งหมด ซึ่งนั่นอาจหมายถึงนักการเมืองใหญ่บางคนจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ ด้วยเช่นกัน
จึงเท่ากับว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์หมด ยกเว้นสถาบันที่จะถูก “ปฏิรูป” ตามแนวทางที่ม็อบราษฎร 63 และคนที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งต่างชาติ และนักการเมืองบางส่วน ต้องการนั่นเอง
ประเด็นที่สอง เรื่องกฎแห่งกรรม ที่นายธนาธร กำลังถูกตั้งคำถาม และต่อต้าน จากกลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตอันใกล้ หากยิ่งม็อบราษฎร 63 ยกระดับความรุนแรงมากเท่าใด สิ่งที่ย้อนกลับสนองต่อคนที่สังคมไทย หรือคนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่า อยู่เบื้องหลัง ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงไม่แพ้กัน เพราะอย่าลืมว่า เวลานี้สังคมไทยไม่ยอมให้ถูกมัดมือชกอีกต่อไปแล้ว
เหนืออื่นใด ต้องบอกว่า ทั้งสองประเด็น เป็นปรากฏการณ์แวดล้อม ที่การเกิดขึ้นไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เพราะไม่มีใครเชื่อว่า ม็อบราษฎร 63 เกิดขึ้นโดยลำพังของแกนนำเด็กสมบูรณ์เหล่านี้ และโจมตีไปที่กลุ่มแกนนำเท่านั้น หากแต่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คนที่อยู่เบื้องหลัง ก็ไม่พ้นผลแห่งกรรมไปได้เช่นกัน กรณี ธนาธร ถูกต่อต้านเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว