กลุ่มภาคีนิรนาม บุกศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ทวงคืน Pornhub จากดีอีเอส ด้าน “โบว์” เห็นด้วยปิดเว็บผู้ใหญ่ แนะ กสทช. เปิดใจกว้าง ให้สื่อจัดดีเบตถกความคิดเห็นต่าง ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ในการปฏิรูปสถาบัน
วันนี้ (3 พ.ย.) เวลา 16.30 น. ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กลุ่มภาคีนิรนาม ได้นัดจัดกิจกรรม “#Savepornhub” โดยก่อนถึงเวลานัดหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานกับบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ให้ปิดประตูทางเข้าอาคารบีทุกจุด โดยให้เข้าออกเพียงประตูเดียว คือ ประตู 1 ด้านทิศตะวันออก พร้อมนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณด้านหน้า และด้านในจำนวน 2 ชั้น มีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวน 50 นาย คอยดูแลความปลอดภัย เนื่องจากเป็นช่วงที่ข้าราชการเลิกงาน
และเมื่อผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมา ในชั้นแรกได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะขอตั้งเวที ด้านหน้าทางเข้าศูนย์ราชการฯ แต่ไม่ได้รับอนุญาต จึงได้มีการเคลื่อนรถเวทีเข้ามาด้านในและตั้งเวทีบริเวณเสาธง ฝั่งตรงข้ามอาคารบี โดยกลุ่มราษฎรฝั่งธน ได้มีการชูป้าย “ดัดจริตผิดบริบท” พร้อมกับเรียกร้องให้ รมว.ดีอีเอส ปลดล็อกเว็บไซต์ Pornhub โดยระบุว่า อย่าทำร้ายคนเหงา ด้วยการทำให้เข้าไม่ถึง Pornhub นอกจากนี้ ยังมีผู้ชุมนุมพร้อมสวมเสื้อยืดสกรีนข้อความ “Pornhub” เพื่อเรียกร้องทวงคืนเว็บไซต์ดังกล่าว
นายบอมเบย์ อายุ 17 ปี เยาวชนผู้ร่วมกิจกรรม “#Savepornhub” กล่าวว่า ไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุมครั้งนี้ แต่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมเนื่องจากได้ทราบข่าวว่า วันนี้จะมีกิจกรรม #savepornhub จึงตั้งใจมาช่วยคลายเครียด โดยใช้ความสามารถที่มีอยู่ เพราะการชุมนุมแต่ละครั้งมีความตึงเครียด ส่วนตัวอยากทราบว่า รัฐบาลมีเหตุผลใดจึงปิดกั้นเว็บไซต์นี้ ที่ผ่านมา สังคมไทยมีปัญหาด้านการให้ความรู้เพศศึกษา เพราะให้ข้อมูลแค่เพศชายและหญิง ไม่มีการให้ความรู้ต่อกรณีผู้มีความหลากหลายทางเพศ ส่วนหนึ่งการเรียนการสอนสุขศึกษาล้มเหลว ต้องปรับเปลี่ยน
ทั้งนี้ มองว่า การปิดกั้นเว็บไซต์นี้ อาจทำให้ผู้ต้องการมีความสุขทางเพศไม่มีที่ระบาย อาจเกิดอาชญากรรม เพราะความอัดอั้นเรื่องเพศ การนั่งในห้องดูหนังถือว่าไม่อนาจาร เป็นสิทธิที่จะทำ” บอมเบย์ กล่าวและว่า ข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ ยังยืนยันเหมือนเดิม ไม่มีการลดเพดาน
ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง บอกว่า ตนตั้งใจมาหาเพื่อน ไม่ได้ตั้งใจมาร่วมชุมนุม ส่วนตัวมองเรื่องการปิดเว็บดังกล่าว ว่า เป็นเรื่องอำนาจของรัฐ รัฐมีอำนาจโดยชอบธรรมในการสั่งปิดเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายนี้ของรัฐหละหลวม มีประชาชนร้องเรียนมานานหลายปี แต่ไม่เคยเป็นผลสำเร็จ จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการคอร์รัปชันในระบบราชการหรือไม่ เนื่องจากจะเห็นว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีโฆษณาพนันออนไลน์แฝงอยู่จำนวนมาก มีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ภายใน และแม้ว่าที่ผ่านมา อาจจะมีการสั่งปิดหลายครั้ง แต่เป็นรูปแบบปิดๆ เปิดๆ ไม่ได้ปิดแบบจริงจัง ซึ่งมองว่าเป็นวงจรอาชญากรรมออนไลน์ เพราะไม่มีระบบยืนยันตัวตน อีกทั้งยังเคยมีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกถ่ายคลิปอนาจาร และนำมาเผยแพร่ในเว็บดังกล่าว จนสร้างความเสียหายถึงชีวิตมาแล้ว จึงขอเรียกร้องให้ใช้กฎหมายนี้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ส่วนการออกมาทำกิจกรรมครั้งนี้ มองว่า ถือเป็นการแสดงออกจากกลุ่มที่คิดว่าถูกบังคับโดยรัฐ และถูกดำเนินการแบบสองมาตรฐาน ใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อถึงเวลาปิด porn hub ขึ้นมา กลุ่มคนที่คัดค้านจึงไม่ได้ดูข้อมูลอะไรเลย ไม่เคยรู้ว่ามันถูกปิดมาหรือยัง ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือแม้กระทั่งรู้ว่าตามกฎหมายไทย รัฐมีอำนาจในเรื่องนี้โดยชอบธรรมซึ่งเป็นความไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ ซึ่งมีความน่าเป็นห่วงในเรื่องความเป็นขั้วทางการเมือง เพราะรัฐบาลทำอะไรก็ผิดหมด จนผู้ชุมนุมทำอะไรก็ถูกหมด ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น
“เรื่องนี้มองว่าเป็นการทำงานตามปกติของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ที่จริงแล้วขอตำหนิด้วยว่าทำไมถึงพึ่งมาทำ แม้ว่าข้อเท็จจริงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้จะมีการปิดบ้างแล้ว และมองว่า วันนี้สังคมควรที่จะตั้งรับ อย่ามองอะไรเป็นขาวเป็นดำตลอดเวลา มันไม่ใช่อย่างนั้น เช่นเดียวกับเวลาที่มีการดีเบต การปฏิรูปสถาบันใน 10 ข้อ ก็เห็นด้วยทุกข้อ แล้วคุณไม่คิดว่ามีข้อใดข้อหนึ่งที่มีปัญหาเลยหรือ ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็เห็นว่ามันเลวหมด ทั้ง 10 ข้อ ซึ่งวันนี้เราต้องการพื้นที่ตรงกลาง ที่จะสามารถปรับความคิดเห็น ที่คนที่เหลือจะสามารถแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยบางอย่าง หรือไม่เห็นด้วยบางอย่าง ซึ่งคิดว่าสื่อมวลชนควรทำหน้าที่เปิดพื้นที่ตรงนี้”
ส่วนแนวทางการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อเป็นคนกลางในการหาทางออกให้บ้านเมืองในขณะนี้นั้น มองว่า พื้นที่ตรงกลางที่ดีที่สุด ก็คือ การจัดให้มีการดีเบตโดยสื่อ แต่ขณะนี้ปัญหาคือ พิธีกรที่จัดรายการก็คงกลัวว่า จะถูกคณะกรรมการกำกับกิจการวิทยุกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งทุกวันนี้คนจัดรายการโทรทัศน์ก็ยังกลัวว่าจะถูกปิดอยู่ตลอด โดย กสทช. ควรต้องมีบทบาทให้ดีเบตได้ และพูดถึงได้ ไม่ใช่ทำให้สื่อรู้สึกว่าพูดถึงไม่ได้เลย เพราะเมื่อสื่อมวลชนกระแสหลักถูกทำให้รู้สึกว่าพูดถึงไม่ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ คนเหล่านี้จะไปพูดกันในพื้นที่ ที่มีแต่ 2 ขั้ว และใช้ความรุนแรงใส่กัน แต่หากสื่อกระแสหลักเปิดพื้นที่ ก็จะมีคนได้ใช้พื้นที่ตรงนี้มากมาย