xs
xsm
sm
md
lg

ถอดรหัสคำตรัสในหลวง ร.๑๐ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” จับไต๋ “กมธ.ปฏิรูปสถาบัน” สับแหลก “ไพศาล” แฉ “แผนร้าย”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจากเพจ “จิตอาสาพระราชทาน”
เพจ “จิตอาสาพระราชทาน” เผยความหมายคำตรัสในหลวง ร.๑๐ “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ” สุดลึกซึ้ง “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” จับไต๋ ตั้ง “กมธ.ปฏิรูปสถาบัน” สับแหลก ห้ามเด็ดขาด “ลุงไพศาล” แฉ “แผนร้าย” ม็อบ 3 นิ้ว ยกระดับต่างชาติแทรกแซง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 ต.ค. 63) เพจ “จิตอาสาพระราชทาน” ได้โพสต์อธิบายความหมายของคำที่ ในหลวง ร.10 ตรัสทักทาย ชายที่ชูพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.๙ ไว้เหนือหัว “เธอกล้ามาก เธอเก่งมาก ขอบใจ” ว่า

“กล้ามาก” ที่ยังยืนหยัดในศรัทธาของตนเอง ถึงแม้จะมีผู้เห็นต่างอยู่รายรอบตัว

“เก่งมาก” ที่ควบคุมสติสัมปชัญญะ และจิตใจของตนเองได้ดีในสถานการณ์แบบนั้น

“ขอบใจ” ที่ยังเชื่อมั่นในสถาบันฯ และไม่ก่อความรุนแรง เพิ่มความขัดแย้งให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ในหมู่คนไทยด้วยกัน

ภาพ นายนันทิวัฒน์ สามารถ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ก็โพสต์หัวข้อ “#ไม่เอากรรมาธิการปฏิรูปสถาบัน”

โดยระบุว่า “ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาปัญหาการชุมนุมประท้วงของกลุ่มประชาชน

การประชุมร่วมจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ในการช่วยหาทางออกให้ประเทศ ได้แต่ฝากความหวังไว้กับบรรดา ส.ส. และ ส.ว. แต่การประชุมร่วมจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย หากสมาชิกรัฐสภาต่างใช้เวทีนี้ในการเอาชนะคะคานกัน และจมอยู่กับวลี ว่า นายกฯต้องลาออก เพียงอย่างเดียว กลัวอย่างเดียว จะตีรวนกันในสภาจนการอภิปราย การหารือล่ม มีการวอล์กเอาต์ของสมาชิก

หากนายกฯ ยอมถอย ยอมลาออก ก็เชื่อว่าอีแอบคงไม่ยอมหยุด ต้องล้มล้างสถาบันให้ได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว เชื่อว่าม็อบไม่ยอมหยุดแค่ลุงตู่ลาออก

อีแอบขู่ว่า ถ้าไม่ปฏิรูปก็ต้องปฏิวัติโค่นล้ม อีแอบบอกว่า ลุงตู่ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว นอกจากลาออกลูกเดียว แต่อีแอบทุกตัวดีแต่พูดยุยง พูดดีพูดเก่ง แต่ไม่กล้านำ เอาแค่ผลุบๆ โผล่ๆ กลางม็อบ อีแอบกลัว

แพ้แล้วไม่มีที่อยู่ กระทบธุรกิจของตระกูล หลอกเด็กออกแรงดีกว่า

มาถึงขั้นนี้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

เกมการต่อสู้วันนี้ เป็นการเดินเกมสองขา ขาหนึ่งต่อสู้ในสภา กดดันลุงตู่ให้จนกลางกระดานหมดทางเดิน ประกาศลาออก อาจมีม็อบมากดดันหน้าสภา ส่วนอีกขาหนึ่ง การชุมนุมม็อบนอกสภาต้องเพิ่มแรงกดดัน

เกมสองขาต้องประสานงานพุ่งเป้าโจมตีจุดแข็งของไทย คือ โจมตีสถาบันโดยตรง เร่งแรงปะทะ ยั่วยุให้ฝ่ายจงรักภักดีใช้ความรุนแรงก่อน เพื่อช่วงชิงความชอบธรรม ให้ต่างชาติหนุนช่วย อีแอบ คนวางแผนอาจเชื่อว่า เวลานี้สุกงอมมากที่สุดแล้ว ไม่ทำตอนนี้ ก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกครั้งเมื่อไร

ประการสำคัญ ถ้าจะต้องแตกหักกัน ห้ามใช้เวทีรัฐสภาในการอภิปรายพาดพิงถึงสถาบันโดยเด็ดขาด และห้ามตั้ง กรรมาธิการวิสามัญเพื่อปฏิรูปสถาบัน สถาบันเป็นเสาหลักของประเทศ ที่ต้องอยู่คู่กับไทยตลอดไป ห้ามนำเอาไปปู้ยี้ปู้ยำในเวทีน้ำลาย และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนที่จะตั้งกรรมาธิการวิสามัญ และใช้เอกสิทธิ์ของรัฐสภาในการอภิปรายถึงองค์พระประมุขในทางลบ โดยพระองค์ไม่มีสิทธิชี้แจง”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Taya Teepsuwan ของนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้โพสต์รูปภาพและข้อความ ว่า

“ไปร่วมแสดงจุดยืนปกป้องสถาบันกันค่ะ พบกันลานพระรูป ร.6 สวนลุม วันอังคารนี้ 27 ต.ค. เวลา 5 โมงเย็น🇹🇭💛 #พลังเงียบ #อนุชนรักชาติศาสน์กษัตริย์”

ส่วนภาพก็มีข้อความระบุในทำนองเดียวกันว่า “27 ตุลาคม ร่วมใจคนไทยใส่เสื้อสีเหลืองถือพระบรมรูปในหลวง ร.๙ และ ร.๑๐ เวลา 17.00 นาฬิกา ณ ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๖ สวนลุมพินี แสดงจุดยืนเพื่อปกป้องสถาบันชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์”

ภาพ นายไพศาล พืชมงคล จากแฟ้ม
ที่สำคัญ เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์หัวข้อ “ความเข้าใจเรื่องสงครามพันทาง”

เนื้อหาระบุว่า “เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายและคนไทยทุกคน ควรจะรีบทำความเข้าใจ เพื่อปกป้องรักษาบ้านเมืองของเราไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง!!!!

1. เป็นสงครามที่นักล่าอาณานิคม ใช้ยึดครองประเทศที่เป็นเหยื่อ แล้วจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด ขึ้นปกครองประเทศนั้น
2. เป็นสงครามที่ใช้ 2 กลยุทธ์ ในการบุกเบิกการรุกราน บ่อนทำลาย ความมั่นคงของชาติ และสถาบันต่างๆ ในชาติ
คือข้ออ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย***

3. กลไกในการทำสงคราม คือ นักการทูต ในสังกัดประเทศมหาอำนาจ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 17 ประเทศ โดยมีประเทศหลักๆ 7-8 ประเทศ ขึ้นอยู่กับสภาพของเหยื่อ ประสานกับองค์กรเอกชน หรือ NGO นักวิชาการขายชาติ

โดยมีเป้าหมายคือ เด็กนักเรียนนิสิตนักศึกษา ซึ่งใฝ่หาสิ่งใหม่ รักการเรียนรู้ เป็นผู้อยู่ในยุคสมัยที่ก้าวหน้า และมีพลังบริสุทธิ์ แต่ถูกชักจูงได้ง่าย

4. ใช้สื่อหลักของประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะคือ CNN, BBC ใส่สีตีไข่ ทำปฏิบัติการจิตวิทยามวลชนทั่วโลก

5. ซื้อตัวนักการต่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงเพื่อให้ทรยศชาติ เอื้อเฟื้อและเอื้อประโยชน์ให้แก่การเคลื่อนไหวทำสงครามพันทาง

6. จัดตั้งกองกำลัง ทั้งในลักษณะของการ์ด และหน่วยปะทะ รวมทั้งหน่วยรบทั้งจากในประเทศและแฝงเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อพร้อมทำสงครามกลางเมือง!!

เมื่อเกิดสงครามกลางเมือง ก็ใช้อิทธิพลในสหประชาชาติและพลังอำนาจของมหาอำนาจนั้น ตั้งรัฐบาลหุ่น!!!!

คนไทยเรากำลังเผชิญกับสงครามพันทางแล้วในขณะนี้

กรุณาเสียเวลาอ่านเรื่องนี้เพื่อทำความรู้จักเสียหน่อย แล้วจะได้คิดได้รู้กันว่า เราจะทำอะไรกันได้บ้าง
เพราะเป็นเรื่องที่หวังพึ่งนักการเมืองไม่ได้!!!

#สงครามพันทาง”

แน่นอน, การรู้เท่าทันเกมการเมือง ถือว่า เป็นอีกหนึ่งทางออกและทางรอดจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองได้เช่นกัน อย่างน้อยที่สุด สำนวนที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้องครั้ง” ก็ยังคงความหมายอันลึกซ้ำในเชิงยุทธศาสตร์

โดยเฉพาะในเวลานี้ เกมเริ่มเปิดแลกกันมากขึ้น “อีแอบ” เริ่มเผยตัว เริ่มออกมายื่นคำขาด แทนม็อบแล้ว อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิดอย่างที่ว่า นั่นเอง

ยิ่งกว่านั้น ยังมีกระแสข่าวออกมาจากเพจเฟซบุ๊กกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งต้องการปฏิรูปสถาบัน ว่า จะจัดชุมนุมใหญ่ โดยมุ่งหวังประจานเผด็จการไทย เพื่อดึงแนวร่วมจากต่างประเทศถึง 7 ประเทศช่วยหนุนหลัง ฟังดูก็สอดรับกับสิ่งที่แกนนำม็อบบางคน ประกาศยกระดับการชุมนุม แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร หากนายกฯไม่ลาออก ตามวันเวลาที่เรียกร้อง หรือไม่ทำตามที่เรียกร้อง ก็นับว่าน่าจับตามองอย่างมาก

ส่วนสิ่งที่เห็นอีกด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสถาบัน และรัฐบาล ต่างมุ่งมั่นที่จะมัดใจประชาชนด้วยการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สร้างความประทับใจให้ประชาชนมากที่สุด ใจเย็น อดทนอดกลั้น ให้ความเมตตากรุณา และไม่ยอมตกหลุมพรางของอีกฝ่ายที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ต่อให้ถูกท้าทาย และยั่วยุอย่างไรก็ตาม ซึ่งก็ถือเป็นการปฏิบัติการเชิงรุกเช่นกัน จนคนไทยส่วนใหญ่เริ่มแสดงออกถึงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแรงกล้าขึ้นทั่วประเทศ

นี่คือ สิ่งที่ไม่เกินความคาดหมายอยู่แล้ว เพียงแต่จะเป็นเมื่อไรเท่านั้นเอง

มาถึงจุดนี้ ดูเหมือนต่างฝ่ายต่างก็อ่านเกมซึ่งกันและกันออก และรู้แล้วว่า การปฏิรูปสถาบัน และปฏิวัติสถาบัน เป็นเรื่องที่คนไทยจะไม่ยอมเป็นอันขาด และลำพังพลังม็อบในประเทศ ก็ไม่น่าจะทำอะไรได้มากไปกว่า สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้กับผู้คนที่ทำมาหากิน รวมถึงสร้างความเสียหายรายวัน จนนานเข้าไม่เพียงจะน่าเบื่อ ยังล่อ “เป้า” คนที่เกลียดชัง ให้หนักขึ้นเรื่อยๆ ขยายวงออกไปเรื่อยๆ จนขาดความชอบธรรมที่จะยืนหยัดในที่สุด

เหนืออื่นใด สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การดึงต่างชาติเข้าร่วมสนับสนุน โดยเฉพาะมหาอำนาจนักล่าอาณานิคมเข้ามาแทรกแซง หรือ ที่เรียกว่า “ชักศึกเข้าบ้าน” โดยรู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม มันคือ หายนะของประเทศชาติ และถูกครอบงำจนสิ้นชาติ มีบทเรียนจากหลายประเทศให้เห็นอยู่แล้ว จะเอาอย่างนั้นหรือ??? ถามใจคนไทยทั้งประเทศ!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น