ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดันแก้ไขข้อกำหนดอนุญาตดูดทรายริมโขง หลังเดือดร้อนกระทบหลายภาคส่วน พร้อมเวียนแจ้งฝ่ายลาวพิจารณา
วันนี้ (21 ต.ค.) พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย ผู้บริหารสำนักงาน ร่วมประชุมหารือกับ ผู้แทน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมเอเชียตะวันออก กองทัพเรือ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี หน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง กระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน และกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาการอนุญาตดูดทรายในแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง จ.หนองคาย หลังเดือดร้อนกระทบหลายภาคส่วน
พลเอก วิทวัส กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีการร้องเรียนคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทราย (กพด.) จ.หนองคาย ไม่ต่อใบอนุญาตดูดทรายให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ และขอให้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขข้อกำหนดทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหืองของคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง (Joint Committee for Management on Mekong River and Heung River หรือ JCMH)
ที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการดูดทราย ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมและลงพื้นที่ติดตามแก้ไขเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ต้นปี 2563 พบว่า มีผลกระทบต่อเนื่องทั้งในด้านเศรษฐกิจ คือ เริ่มเกิดปัญหาความขาดแคลนทรายสำหรับการก่อสร้างภายในจังหวัด อาจต้องขนส่งทรายมาจากจังหวัดอื่นๆ ทำให้ราคาต้นทุนสูงขึ้น ปัญหาการเลิกจ้างงานเมื่อไม่สามารถดำเนินธุรกิจการดูดทราย ด้านคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ คือ เมื่อร่องน้ำฝั่งไทยตื้นเขิน ทำให้ประชาชนไม่มีแหล่งน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร โดยเฉพาะในหน้าแล้ง นรข.ก็ไม่สามารถใช้เรือลาดตระเวนตรวจตามได้ตลอดแนวลำน้ำโขง เกาะดอนหลายพื้นที่จึงกลายเป็นเส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติดและการลักลอบเข้าเมือง นอกจากนั้น ยังอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่องน้ำหรือสันดอนหรือเนินทรายในแม่น้ำโขง ซึ่งจะกระทบต่อเส้นเขตแดนตามลำน้ำโขงระหว่างไทย-ลาว ปัญหาเหล่านี้จึงควรต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว
ทั้งนี้ จากการประชุมกับทุกฝ่ายพบว่าอุปสรรคสำคัญ คือ กฎหมายและหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ตาม JCMH โดยข้อกำหนดทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดูดทรายกำหนดให้พื้นที่ดูดทรายต้องมีระยะห่างจากสะพาน เขื่อนป้องกันตลิ่ง ท่าเรือ โรงพยาบาล โรงแรม สิ่งก่อสร้างที่สำคัญอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 1,000 เมตร และอยู่ห่างจากบ้าน ศาสนสถาน และโรงเรียนไม่น้อยกว่า 500 เมตร แต่ทั้งฝ่ายไทยและลาวเห็นตรงกันว่าไม่สามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติจริง ซึ่งเมื่อปี 2559 คณะอนุกรรมการเทคนิคร่วม ภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแม่น้ำโขง และแม่น้ำเหือง (Joint Technical Sub - Committee for Management on Mekong River and Heung River หรือ JTMH) ได้ดำเนินการแก้ไขข้อกำหนดทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหืองแล้ว คงเหลือเพียงพื้นที่ดูดทรายต้องมีระยะห่างจากสะพานไม่น้อยกว่า 1,000 เมตร ซึ่งจะต้องได้รับการรับรองข้อกำหนดทางด้านเทคนิคดังกล่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง (JCMH) ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นโดย สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพ แต่การประชุมดังกล่าวก็ยังไม่ได้จัดขึ้น นับตั้งแต่มีการประชุม JCMH ครั้งล่าสุดที่ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2551 ในวันนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้มีข้อเสนอแนะให้กระทรวงการต่างประเทศผลักดันให้ทางการลาวจัดประชุม JCMH เพื่อรับรองร่างข้อกำหนดทางด้านเทคนิค JTMH ที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อปี 2559 โดยอาจจะเป็นการประชุมทาง VDO Conference หรืออีกแนวทางหนึ่ง คือ ให้ประธานคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง (JCMH) ฝ่ายไทย ที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน เวียนร่างข้อกำหนดทางเทคนิคปี 2559 เพื่อให้คณะกรรมการฝ่ายไทยให้ความเห็นและรับรอง จากนั้นให้เร่งส่งให้ประธานคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแม่น้ำโขง และแม่น้ำเหือง (JCMH) ฝ่ายลาว เพื่อรับทราบความเห็นของฝ่ายไทยและเวียนแจ้งให้คณะกรรมการฝ่ายลาวพิจารณาและรับรองเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป